แม่ร้อง ลูกสาววัย 13 ปี ถูกข่มขืนที่โรงเรียน-ผอ.สั่งดำเนินการเด็กนักเรียนชายดังกล่าวให้เรียนที่บ้าน

จากกรณีคุณแม่ของเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งได้ร้องเรียนกรณีลูกสาวถูกรุ่นพี่ล่วงละเมิดทางเพศ ถึงสองคน อีกหนึ่งคนพยายามกระทำแต่น้องขัดขืนและหลุดออกมาได้ ซึ่งคุณแม่บอกว่าน้องเรียนอยู่โรงเรียนชื่อดังย่านร่มเกล้า ไม่คาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นภายในโรงเรียนดังกล่าว ต่อมาคุณแม่ได้เข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจลาดกระบัง พร้อมไปพูดคุยกับนักเรียนที่ก่อเหตุที่โรงเรียน แต่ทางโรงเรียนยังไม่มีมาตรการพักการเรียนเด็กที่ก่อเหตุ ทำให้ลูกของตนเองไม่กล้าไปโรงเรียน




ทีมข่าวได้สัมภาษณ์ คุณแม่ บี (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี เปิดเผยว่า ตนเองแยกทางกับสามีมา 10 ปี ตนมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อปลาย (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี ปัจจุบันเรียนอยู่ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านร่มเกล้า ซึ่งลูกสาวอาศัยอยู่ที่บ้านฝั่งสามี วันศุกร์เสาร์อาทิตย์ จะแวะมาอยู่กับตนบ้าง แต่พักหลังน้องมาอยู่กับตนบ่อยขึ้น และมีอาการซึมๆ ตนจึงถามลูกสาวว่ามีอะไรปรึกษาแม่ไหม แรกลูกสาวก็ไม่บอก พอคนถามบ่อยขึ้น ลูกสาวร้องไห้ ตนจึงตกใจ จึงพยายามให้ลูกสาวเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น



จากนั้นลูกสาวได้เล่าให้ตนฟังว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ย.65 เวลาประมาณ 12.00น. น้องอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งเป็นวันกีฬาสีที่โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านร่มเกล้า ซึ่งน้องเดินไปเข้าห้องน้ำหญิงกับเพื่อนที่โรงเรียน ชั้น 1 ตึก 4 ตอนจังหวะที่น้องออกมารอเพื่อน มีรุ่นพี่ชื่อนายเมฆ (ปัจจุบันจบการศึกษาแล้ว) ที่เคยมาจีบน้อง แต่น้องไม่ได้คุยด้วยเดินมา ฉุดน้องเข้าไปในห้องน้ำหญิง ซึ่งห่างจากห้องน้ำที่เพื่อนเข้า จากนั้นรุ่นพี่ได้ล็อกประตูห้องน้ำ เอามือปิดปาก ถอดกางเกง หยิบถุงยางออกมา และข่มขืนน้อง ลูกสาวพยายามขัดขืน ร้องให้คนอื่นช่วยแต่ไม่มีใครได้อยู่แถวนั้นเลย ส่วนเพื่อนที่เข้าห้องน้ำด้วยกันมารู้ภายหลังว่า หลังจากออกมาจากห้องน้ำ ไม่เห็นว่าน้องรออยู่ เลยคิดว่าน้องวิ่งหนีขึ้นห้อง จึงรีบวิ่งกลับห้องเรียน



ต่อมาเหตุการณ์ที่สองผ่านไปเพียง 3 วัน วันที่ 26 พ.ย. 65 ขณะที่น้องทำกิจกรรมกีฬาสีเวลาหลังเลิกเรียน 16.00 น. รุ่นพี่ ม.2 ชื่อ "ลัคกี้" ได้แย่งโทรศัพท์ของน้องไปและวิ่งขึ้นไปที่ชั้น 4 ตึก 1 ห้อง 3 ลูกสาวจึงวิ่งตามไปเอาโทรศัพท์คืน จากนั้นรุ่นพี่ได้ล็อคประตูห้องทั้งสองด้าน จากนั้นได้ยื้อแย่งโทรศัพท์กัน รุ่นพี่ได้ล้วงเข้ามาในกระโปงของน้อง ได้ถอดกางเกงชั้นในออก พร้อมกับกางเกงของรุ่นพี่ จากนั้นรุ่นพี่ได้สวมถุงยางอนามัยและได้ขืนใจน้องจนสำเร็จจากนั้น น้องได้ปลดล็อกประตูและวิ่งหนีไป



ซึ่งตนคิดว่าสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เด็กทั้งสองคนที่ก่อเหตุอาจจะมีการบอกต่อกันหรือไม่เนื่องจากพอกระทำน้องได้แล้วน้องไม่ได้มีการมาฟ้องคุณครูหรือบอกพ่อแม่



เหตุการณ์ต่อมาขณะที่น้องปิดภาคเรียนมีรุ่นพี่ ชื่อนายเต้ ซึ่งอยู่ชั้น ม.6 ได้เข้ามาจีบน้องและคบหากัน พอถึงวันเปิดภาคเรียนเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 15.00 น. รุ่นพี่ ได้ชักชวนให้น้องไปใต้อาคารเรียนตึก 9 น้องจึงไปกับเพื่อนอีกหนึ่งคนในขณะที่เพื่อนเดินแยกออกไปเข้าห้องน้ำ รุ่นพี่ได้เดินมาดึงตัวน้องเข้าไปบริเวณมุมตึก จากนั้นน้องได้สัมผัสมือและรีบวิ่งหนีออกมา



ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดลูกสาวไม่ได้ยินยอม ตนจึงพาน้องเดินทางเข้าแจ้งความ ในพื้นที่ สน.ลาดกระบัง



ต่อมาได้เข้าไปที่โรงเรียนดังกล่าว แต่ทางโรงเรียนก็ไม่ได้มีการลงโทษเด็กนักเรียนใดๆ ที่กระทำกับลูกสาวของตน ซึ่งตนเองอยากให้ทางโรงเรียนออกมารับผิดชอบให้มากกว่านี้เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองก็ไม่คาดคิดคิดว่าโรงเรียนเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยแต่กลับเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุด




ล่าสุดทีมข่าวได้พูดคุยกับ ผอ. โรงเรียนดังกล่าว โดย ผอ.ให้ข้อมูลว่า ตนเองเพิ่งมารับตำแหน่งได้ เดือนตุลาคม 2566 ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ส่วนเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงได้มีการนัดผู้ปกครองของเด็กผู้เสียหาย พร้อมผู้ปกครองของเด็กที่ก่อเหตุมาพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางโรงเรียนได้ดำเนินการตามขั้นตอนและไม่ได้นิ่งนอนใจ ให้ความร่วมมือกับผู้ปกครองของน้องผู้เสียหายทุกอย่าง และได้แจ้งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



ส่วนมาตราการลงโทษทางโรงเรียนได้ดำเนินการให้เด็กนักเรียนที่ก่อเหตุ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 6 ที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียน ซึ่งผู้ก่อเหตุอีกคนเรียนจบการศึกษาไปแล้ว ให้ทำการเรียนที่บ้านโดยการมารับงานที่โรงเรียนกลับไปทำที่บ้าน หรือเรียนออนไลน์ ซึ่งระยะเวลาการปฎิบัติก็จะให้ปฎิบัติจนจบภาคเรียน และทางโรงเรียนจะคอยสอดส่องดูแลไม่ให้ทั้งสองฝ่ายมาพบกันให้คุณแม่ของเด็กผู้เสียหายไว้วางใจได้



ในส่วนของการแจ้งความ ทางโรงเรียนได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นเรื่องของคดีความ



ส่วนในเรื่องมุมอับภายในโรงเรียน รวมถึงจุดเกิดเหตุ ทางโรงเรียนได้มีการติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมเป็นที่เรียนร้อยแล้ว ในส่วนของห้องน้ำ เราไม่สามารถติดภายในได้ เนื่องจากเป็นเรื่องสิทธิ แต่ได้ทำการติดกล้องให้เห็นว่ามีใครเข้าออก เพื่อป้องกันสอดส่องเหตุที่อาจเกิดขึ้น และยังมีการจัดเวรยามใหม่ ให้เดินดูและคอยสอดส่องให้มากยิ่งขึ้น