สังคม

คกก.เปลี่ยนผ่านฯ หารือ 10 เรื่อง สรุปส่งที่ประชุม 8 หัวหน้าพรรค ยังไม่คุยจัดสรร ครม.พิธา 1

โดย nutda_t

20 มิ.ย. 2566

193 views

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แถลงประชุมในครั้งที่ 2 ว่าข้อสรุปจะนำเสนอต่อที่ประชุม 8 หัวหน้าพรรคการเมือง วันที่ 22 มิถุนายนนี้ เพื่อขอมติก่อน ซึ่งวันนี้มีการหารือ 10 เรื่อง เช่น เรื่องภัยแล้ง , เอลนีโญ , คุยทางออกบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ

ส่วนคณะเอสเอ็มอี ได้คุยเรื่องการส่งออกที่ชะลอตัว , หนี้ครัวเรือน และการส่งเสริมเอสเอ็มอี ส่วนคณะแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 , หารือเรื่องการส่งเสริมการออกกฎหมาย พ.ร.บ.อากาศสะอาด , จัดทำแผนที่ความเสี่ยงไฟป่า และคณะดิจิทัลฯ หารือการส่งเสริมใช้ดิจิทัลในรัฐบาล ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำเสนอรายละเอียดแต่ละด้านในที่ประชุมพรรคร่วมเพื่อลงมติอีกครั้ง

ขณะที่คณะค่าไฟน้ำมัน พลังงาน ได้มีการเสนอปรับลดค่าไฟ และเสนอการต่ออายุเพื่อลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ส่วนคณะจังหวัดชายแดนใต้มีความคืบหน้าในการตั้งเป้าหมาย และนำไปสู่สถานที่คุยสันติภาพใน 4 ปีของรัฐบาล และเรื่องการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาขน ได้กำหนดโรดแมปแต่ละพรรค ที่นำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร. ที่มาจากเลือกตั้ง




ทั้งนี้คณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ได้กำหนดเวลาที่จะปิดตัวลงเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยจะประชุมครั้งสุดท้ายหลังประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกประธานสภาฯและรองประธานสภาฯแล้ว ก่อนจะแจ้งคณะย่อยจัดทำรายงานสรุปเพื่อรายงานที่ประชุมพรรคร่วมอีกครั้ง

นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึง MOU 23 ข้อ ว่าจะเป็นภาพใหญ่ในการจัดทำนโยบาย โดยจะต้องลงรายละเอียดแต่ละกระทรวง โดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากแต่ละพรรคในการนำเสนอความเป็นเจ้ากระทรวง อาจจะเพิ่มเติมจาก 23 ข้อของMOU แต่จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะทั้งหมดจะต้องนำเสนอต่อหัวหน้าพรรคอีกครั้ง

พร้อมยอมรับว่า ในที่ประชุมวันนี้ มีการหารือสถานการณ์การเมือง หลังกกต.รับรองส.ส.ทั้ง 500 คน โดยมองว่า เป็นการทำหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว และรับรองครบ 500 คน ในเวลาเดียวกัน ทำให้กระบวนการต่างๆทำได้รวดเร็วมากขึ้น วันนี้จึงได้พูดคุยเรื่องปฏิทินการเมือง เพื่อประเมินกรอบการทำงานของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน และในการประชุมในวันนี้ ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการจัดสรร ครม.พิธา 1

ด้าน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้คณะกรรมการฯได้รับฟังข้อเสนอและผลศึกษาของคณะย่อยเป็นประโยชน์ในการทำงานร่วมกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน



ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้เสนอ 4 นโยบายของพรรคต่อที่ประชุม และมอบหมายให้คณะทำงานย่อยไปศึกษาเพิ่มเติม คือ



1. นโยบายเขตธุรกิจใหม่ของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา การอนุญาต การแก้กฎหมาย ซึ่งเพื่อไทยมีโมเดลที่จะเข้าไปเติมเต็ม แก้ไขปัญหาด้านกฎหมายที่จะส่งเสริมเอสเอ็มอี ในเขตธุรกิจใหม่นำร่อง 4 พื้นที่ คือเชียงใหม่ ขอนแก่น กรุงเทพฯ และสงขลา


2. เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ที่พรรคเพื่อไทยมีความเห็นว่าควรเซตเป้าหมายในระยะไกลออกไปคือปี 2570 ที่เพื่อไทยประกาศว่าค่าแรงจะอยู่ที่ 600 บาท เพื่อให้ภาคเอกชนรู้ว่าในระยะยาวจะไปถึงจุดไหน นอกจากนี้ยังเสนออีกกลไก คือเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท คู่ขนานไปด้วย เป็นการยกระดับทั้งส่วนล่างและส่วนกลาง เป็นสองโมเดลที่ทำควบคู่กัน ทั้งนี้การขึ้นค่าแรงทำไม่ได้ถ้าไม่ดูแลภาคเอกชน และการดูแลภาคเอกชนที่ดีที่สุดคือการทำให้เศรษฐกิจขยายตัว จะทำให้ภาคเอกชนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีความสามารถในการจ่ายค่าแรงเพิ่มขึ้น จึงสนับสนุนการขึ้นค่าแรงตามภาวะเศรษฐกิจ ตามรายได้ของประเทศ


3. นโยบายการเข้าถึงแหล่งทุนของเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นเรื่องที่เพื่อไทยและก้าวไกลเห็นตรงกัน ในการใช้กลไกค้ำประกันสินเชื่อ สนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น เพื่อปลดล็อกการเข้าถึงสินเชื่อของเอสเอ็มอี เพื่อไทยตั้งวงเงินไว้ 30,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ บสย. ทั้งงบประมาณและประสิทธิภาพ


และ 4. นโยบายตลาดทุน ซึ่งเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการระดมทุน ปัจจุบันภาคเอกชนสามารถหาแหล่งทุนได้แค่ 2 แหล่ง คือเงินกู้ธนาคารพาณิชย์และการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งสองกลไกจะต้องเดินควบคู่กัน เพื่อไทยสนับสนุนการสร้างตลาดทุนให้แข็งแกร่ง มีหัวใจอยู่ที่สภาพคล่อง เพื่อจะเป็นแหล่งระดมทุนในการสร้างเศรษฐกิจประเทศ โดยตลาดทุนของพรรคเพื่อไทยยังมีตลาดทุนคู่ขนานในเรื่องของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ในการระดมทุนเพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้น นี่คือ 4 นโยบายที่เพื่อไทยนำเสนอต่อที่ประชุม


นายเผ่าภูมิ ยังระบุว่า วันนี้เป็นโอกาสดีที่แต่ละนโยบายถูกเผยออกมา และพูดถึงข้อดีข้อเสียหาจุดลงตัวร่วมกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน ก่อนทิ้งท้ายว่านี่คือความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ