‘หนุ่มรปภ.’ กลายเป็นโจร วิ่งราวทรัพย์กลางหาดใหญ่ หาเงินจ่ายค่ารีสอร์ตพาเมียไปพัก

"หนุ่มรปภ." ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์หาเงินไปจ่ายค่ารีสอร์ตที่พาเมียไปพัก และยอมเข้ามอบตัว หลักฐานภาพวงจรปิดมัดตัวขณะลงมือก่อเหตุเหยื่อที่เป็นหญิงสาวพยายามวิ่งตามรถจนล้มลง

วันที่ 20 มิ.ย. 66 พ.ต.ต.บัญญัติ สุกิจจารักษ์ สารวัตรสืบสวน สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ และ ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ได้รับมอบตัว นายโสภณ นายโสภณ เจ้าเส้ง อายุ 34 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ประจำขนส่งมวลชนแห่งหนึ่งในเมืองหาดใหญ่

หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีวิ่งราวทรัพย์ฯ และถูกศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ที่ขับก่อเหตุ รวมทั้งเสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวสีดำ ทองเท้าหนังสีดำ ที่สวมใส่ตอนก่อเหตุ และกระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ ซึ่งเป็นของผู้เสียหายที่วิ่งราวมาและถูกแจ้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม


สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.20 น. วันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์วิ่งราวทรัพย์ น.ส.สุไลยา ดำริห์หมัด ขณะกำลังนั่งสั่งอาหารอยู่ที่โต๊ะริมถนนหน้าร้านครัวน้องนนท์ ปากซอย 35 ถ.เพชรเกษม ย่านหาดใหญ่ใน เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา และได้กระเป๋าสะพายสีดำไป 1 ใบ ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะอาหาร โดยภายในมีโทรศัพท์มือถือไอโฟน 13 เงินสดประมาณ 8-9 พัน และบัตรประจำตัวต่างๆ

โดยขณะเกิดเหตุมีหลักฐานจากภาพกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้เป็นจังหวะที่คนร้ายกำลังขับรถจักรยานยนต์หลบหนี และถูกผู้เสียหายวิ่งตามมาพยายามกระชากกระเป๋าคืนจากคนร้าย ทำให้ผู้เสียหายเสียหลักล้มลง ส่วนคนร้ายขับรถจักรยานยนต์หนีไปได้

หลังเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ และ ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ได้ตามแกะรอยหาเบาะแสรถจักรยานยนต์คันนี้จนรู้ตัวผู้ก่อเหตุชื่อ นายโสภณ เจ้าเส้ง อายุ 34 ปี ทำงานเป็น รปภ. ตำรวจจึงได้ตามไปที่ทำงาน และที่บ้าน แต่ก็ไม่พบตัว สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหวยอมติดต่อเข้ามอบตัวแต่โดยดี


จากการสอบสวน นายโสภณ ให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ต้องกลายเป็นโจรวิ่งราวทรัพย์ เพราะต้องการหาเงินไปใช้หนี้ค่ารีสอร์ตหลายพันบาทที่ค้างจ่ายมาหลายวันแล้ว หลังจากที่พาภรรยาไปนอนพักผ่อนด้วยกัน

และในวันเกิดเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ตระเวนหาเหยื่อ กระทั่งมาพบผู้เสียหายรายนี้ ซึ่งเป็นผู้หญิงนั่งอยู่ที่โต๊ะริมถนนหน้าร้านอาหาร และวางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะ ไม่ได้ระวังตัว จึงลงมือก่อเหตุ พร้อมกับฝากขอโทษไปยังผู้เสียหายด้วย ส่วนเงินก็นำไปจ่ายค่ารีสอร์ตและใช้จ่ายหมดแล้ว