เลือกตั้งและการเมือง

2 ตร.สอท.2 ยันไม่เกี่ยวปมตบทรัพย์ 140 ล้าน - 'วิโรจน์' ซัด 'ผู้การฯ ชลบุรี' เรียกรับสินบน ถาม "เป้รักผู้การมากี่ครั้ง"

โดย weerawit_c

18 มิ.ย. 2566

193 views

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้เดินทางมาพร้อมกับตำรวจ สอท. 2 นาย ได้แก่ พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ อ่อนตา รอง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (สอท.2) และพ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ สารวัตกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (สอท.2) ที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันตบทรัพย์ 140 ล้าน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาใน 4 ข้อหา คือ เจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด / เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ / ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น / ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น กับพนักงานสอบสวน สภ.คูคต โดยมีรองผบ.ตร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาลเข้ารับมอบตัว


โดยเมื่อทั้งสองคนเดินทางมาถึง ก็มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้มีความเครียดหรือกังวลอะไร พร้อมกล่าวทักทายนักข่าวว่า เมื่อคืนนี้นอนหลับดี และขอยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับ กรณีการตบทรัพย์ผู้เสียหาย เนื่องจากได้ไปทำหน้าที่เก็บหลักฐานที่เกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ ในบ้านที่เกิดเหตุ เพราะได้รับการประสานจากชุดตรวจค้นในบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนเข้ามาให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ


ด้าน พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ บอกว่า ตนรู้ข้อมูลตามที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชน วันนี้จึงเดินทางเข้ามาเพื่อดูข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อน ซึ่งตนยังไม่รู้ว่าถูกกล่าวหาอะไรบ้าง ยืนยันว่าตัวเองทำหน้าที่ถูกต้องตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ยอมรับว่าตัวเองได้เจอกับนายเป้ ผู้เสียหายในวันตรวจค้น


ด้าน พ.ต.ท.ปฐมพงษ์ บอกว่า ตัวเองไม่มีความกัลวลหรือหนักใจอะไร เพราะตัวเองได้ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และวันดังกล่าวตัวเองเดินทางไปพร้อมกับ รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ซึ่งเป็นการไปปฎิบัติหน้าที่ตามปกติ


ขณะที่นายอัจฉริยะ บอกว่า วันนี้ตัวเองได้นำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอขณะที่ตำรวจทั้งสองนายปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งนำมาเป็นหลักฐานแก่ตำรวจในวันนี้ ซึ่งตัวเองจะนำหลักฐานมาเปิดเผยแก่สื่อมวลชนด้วยแน่นอน หลังจากที่มีการไปดูข้อเท็จจริงกับตำรวจ จะออกมาให้ข้อมูลอีกครั้ง


สำหรับการก่อเหตุตบทรัพย์ มีการเรียกรับเงินกับผู้เสียหายจำนวน 6 คน แต่ผู้เสียหายมีเงินไม่เพียงพอจึงขอยืมเพื่อนหลายคนเพื่อให้ได้เงินครบตามจำนวน โดยหนึ่งในนั้นคือวันที่ 24 พฤษภาคม นายธนินวัฒน์ได้ติดต่อยืมเงินเพื่อส่งให้กับกลุ่มของผู้การชลบุรีจำนวน 65 ล้านบาท โดยได้ยืมมาจากนายเค 29.2 ล้านบาทนายพุจำนวน 8 ล้านบาท และนางสาวใหม่จำนวน 28 ล้านบาท และแจ้งให้นายเศรษฐวุฒิทราบว่า นายภิสิทธิ์ได้เรียกเงินในส่วนของตนเอง ซึ่งเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกันกับการทำธุรกิจสีเทาเป็นจำนวน 20 ล้านบาท


จากนั้นนายเศรษฐวุฒิได้นำเงินจำนวน 20 ล้านบาทมาจากนายบอย และส่งไปยังกลุ่มนายวีระและนายภิสิทธิ์ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันนำเงินทั้งหมดส่งใส่ไปยังบริเวณกระโปรงท้ายรถยี่ห้อโตโยต้าอัลติส สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จากนั้นนำไปจอดอยู่ที่ลานจอดรถสุดซอยหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตำบลคูคตอำเภอลำลูกกา


ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ารถเก๋งอัลติส สีส้ม ยังถูกจอดไว้ที่เดิมลักษณะเป็นรถแท็กซี่เก่าถอดป้ายทะเบียนออกภายในรถมีการถอดมิเตอร์ออกและสภาพค่อนข้างที่จะเก่าทรุดโทรม ส่วนกระโปรงด้านหลังเปิดได้ ไม่ได้ปิดล็อก ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดส่งเงินจำนวน 20 ล้านบาท เมื่อนำเงินมาใส่ในรถคันนี้เรียบร้อยแล้วกลุ่มผู้เสียหายก็เดินทางกลับ จากนั้นทีมงานของผู้การชลบุรีก็มารับเงินและออกไป


ทีมข่าวสอบถามชาวบ้าน ระบุว่า เห็นรถคันนี้เข้ามาในหมู่บ้านเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมช่วงประมาณบ่ายโมง ขับมาในลักษณะที่รวดเร็วและไม่เหมือนกับคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ จากนั้น ก็พบว่ารถคันนี้ถูกจอดทิ้งไว้ที่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นจุดจอดรถของชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ และเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาก็มีตำรวจแวะเวียนมาดูรถยนต์คันนี้ โดยที่ชาวบ้านไม่รู้ว่าคือเหตุการณ์อะไรและรถยนต์คันนี้ไปก่อเหตุอะไรมา


ทีมข่าวเดินสำรวจหมู่บ้านแห่งนี้ซึ่งไม่ได้เป็นหมู่บ้านใหญ่ เป็นลักษณะทาวน์เฮาส์ปลูกติดกันหลายหลังและพบว่ามีบ้านที่ติดกล้องวงจรปิดอยู่ใกล้เคียงกับบริเวณจุดจอดรถแท็กซี่สีส้มที่กลุ่มผู้เสียหายนำมาจอดไว้ปรากฏว่าบ้านของชาวบ้านที่ใกล้จุดจอดรถที่สุด ไม่อนุญาติ ให้ผู้สื่อข่าวดูกล้อง บางหลังก็ระบุว่า กล้องวงจรปิดไม่สามารถบันทึกภาพได้ บางบ้านก็ระบุว่ามีกล้องแต่ไม่มีเมมโมรี่


ส่วนบ้านที่ สามารถเปิดกล้องได้ก็ไไม่เห็นเหตุการณ์ตอนรถแท๊กซี่สีส้มวิ่งเข้ามา กลุ่มผู้สื่อข่าวเกิดความสงสัยว่าเหตุใดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับไม่สามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดของชาวบ้านได้หรือมีใครสั่งให้ลบหรือไม่ เพราะหากมีวงจรปิด จุดนี้ จะเป็นหลักฐานสำคัญเพราะเป็นจุดรับเงิน


ล่าสุด 18 มิ.ย.2566 ที่พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เรียกรับเงิน 140 ล้านบาทว่า เป็นเรื่องที่จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อ ซึ่งทราบว่า ขณะนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว แต่เรื่องนี้ปล่อยให้เงียบไม่ได้ เนื่องจากเงินที่เรียกรับจำนวนสูงถึง 140 ล้านบาท ซึ่งต้องสอบสวนให้ชัดว่า การเรียกรับจริงหรือไม่ และถ้าจริงต้องถามว่า “เป้รักผู้การฯ มากี่ครั้งแล้ว” และ “มีคนอื่นที่รักผู้การฯ ด้วยหรือไม่” รวมทั้ง “ผู้การฯ คือรักสุดท้ายของเป้หรือไม่” หรือ “ผู้การฯ ไปรักคนอื่นต่อหรือเปล่า”


นายวิโรจน์ ยังบอกว่า ที่ผ่านไม่นานมานี้ ก็พบมีตำรวจในระดับบังคับบัญชา มีภาพปรากฎหิ้วกระเช้า ไปอวยพร แสดงความยินดี จึงต้องขยายผลต่อไปว่า เป้รักผู้การฯ แล้วผู้การฯ ไปรักใครต่อหรือต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่า หนักมาก เข้าข่ายผิดกฎหมายการเรียกรับสิน มาตรา 143 และมาตรา 149 รวมทั้งมาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต


นายวิโรจน์ ยังระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้น สาเหตุมาจากระบบตั๋ว ระบบวิ่งเต้น เพราะตำรวจในระดับผู้การบางคน เข้ามาด้วยระบบซื้อขายตำแหน่งก็มีต้นทุน ซึ่งเมื่อมาเข้ารับตำแหน่งแทนที่จะมาเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข วางแผนปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ แต่กลับมาซ่องสุม ไม่ต่างจากอั้งยี่ ซ่องโจร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน จึงเสนอให้มีการสอบสวนขยายผลว่า ผัวพันกับมาเฟียในท้องถิ่น และมาเฟียกลุ่มจีนสีเทา รวมทั้งมาเฟียต่างชาติหรือไม่ เนื่องจากเว็บพนัน การค้ามนุษย์ และยาเสพติดนั้นพัวพันกับขบวนการมาเฟียต่างชาติ


เมื่อถามว่า กรณีผู้การฯ ชลบุรี เรียกรับสินบน 140 ล้านบาท จะมีผู้ที่อยู่ระดับสูงกว่าผู้การฯ พัวพันหรือไม่ นายวิโรจน์ ตอบว่า ผู้ที่อยู่สูงกว่านั้นมักจะอยู่หลังม่าน อยู่หลังโทรศัพท์ ไม่ออกมาเปิดเผยตัวเอง ซึ่งคนที่ออกมาเปิดเผยตัวส่วนใหญ่จะเป็นลูกน้อง ตัวเล็กเท่านั้น เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ตัวใหญ่ จะเป็นผู้เขียนกระดาษ “เป้รักผู้การฯ เท่าไหร่ แต่ก็ย้ำว่า ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายก่อน ทั้งนี้หากพบว่า เป็นจริง ต้องสอบสวนต่อว่า พัวพันกับใคร , ที่มาของตำแหน่งเป็นอย่างไร มีการซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ , ถ้าหากซื้อขายตำแหน่งมา ผู้ใดเป็นคนให้เงินไปซื้อ , แหล่งเงินที่ไซื้อตำแหน่ง ก็จะบอกได้ว่า ใครเป็นตัวใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง


และแม้ที่ผ่านมาจะมีการจับกุมตำรวจที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวหลายครั้ง แต่ไม่เคยสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเลย ควรจะปรับวิธีการสอบสวนขยายผลหรือไม่ นายวิโรจน์ ระบุว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลมีรากฐานจากเผด็จกาล ซึ่งการแต่งตั้งมักจะเฉพาะคนของตัวเอง เป็นเครือข่ายของตัวเอง เพราะกลัวการถูกเช็คบิลย้อนหลัง เพราะฉะนั้นการตรวจสอบถ่วงดุล ก็มักจะติดกับคำว่า คนนี้เพื่อนนาย คนของนาย หรือเครือข่ายของนาย ส่งผลต่อกลไกการปราบปรามทุจริตทำไม่ได้ และได้แต่จับปลาซิวปลาสร้อย


บางช่วงนายวิโรจน์ ยังเระบุว่า ปัญหาการคอร์รัปชัน แตะที่ไหนก็เจอที่นั่น พร้อมทั้งเปรียบเปรยว่า เหมือนอุจจาระเต็มกางเกงไปหมด ตอนนี้ไม่ต้องส่องเข้าไปในกางเกง ก็เห็นคราบสีเหลือง ที่ย้อยออกมา เพราะมาจากระบบอุปถัมน์ การซื้อขายตำแหน่ง และเครือข่ายอำนาจที่สร้างเอาไว้ ก็ต้องทำลายให้หมด


ทั้งนี้หากมีการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ การจัดการปัญหาคอร์รัปชันจะเริ่มจากจุดไหน นายวิโรจน์ บอกว่า ในวันพรุ่งนี้ จะมีการประชุมคณะทำงานของคณะเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ก็จะมีการพูดถึงแนวทางการจัดการปัญหาคอร์รัปชันของรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวพน้าพรรคก้าวไกลด้วย ซึ่งก็จะต้องรื้อใหม่ทั้งระบบ ทั้งการแก้ไขกฎหมาย และการออกกฎหมายคุ้มครองผู้ออกมาเปิดโปงทุจริต และการกันเป็นพยาน เพื่อทลายการคอร์รัปชัน


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีนี้ได้เรียกประชุมคณะทำงาน ติดตามคืบหน้าทางคดี โดยการประชุมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น ตนได้รับแจ้งประมาณ 3 วันที่แล้ว ยอมรับว่าตอนแรกยังไม่เชื่อ เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ จึงแจ้งกับผู้ร้องเรียนไปว่าหากตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง ต้องรับผิดชอบ ซึ่งด้านของผู้เสียหายก็ยืนยันว่าเป็นความจริง และมีหลักฐานมาให้ดู จากนั้นผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ส่งมอบเงินแล้ว

ส่วนเหตุผลของผู้เสียหายที่ตัดสินใจร้องกับตำรวจ “เนื่องจากทนไม่ไหวกับการถูกเรียกเงิน มากขึ้น จากเดิมเคยจ่ายเท่านี้ แต่ระยะหลัง จ่ายมากขึ้น ชนิดที่เรียกว่าหนักหนาสาหัส เกินที่จะรับได้”


จากการตรวจสอบไม่พบว่าไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ต้องยอมรับว่าผู้เสียหายทำธุรกิจสีเทา แต่ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาเพราะทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ แต่ครั้งนี้การเรียกรับผลประโยชน์ถูกรีดไถอย่างหนักหนาสาหัส ฝ่ายคนทำธุรกิจผิดกฎหมายรับไม่ได้ เลยตัดสินใจมาร้องเรียน

และผู้เสียหายก็ยอมรับ ว่ารู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำก็เป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ไม่ขอทนจ่ายเงินกับแก๊งผู้การชลบุรีอีกแล้ว เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ข้อมูลทั้งหมดมีมูลความจริงตามที่ปรากฎในสื่อ


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุอีกว่า ในวันนี้ (18 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนจะเดินทางไปที่ศาลเพื่อขอหมายเรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 8 นาย มารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากทั้งหมดได้ติดต่อมาเพื่อขอมอบตัว และมีการพูดคุยกันตลอดอยู่แล้ว แต่ในส่วนของพลเรือนทั้งสองคน เจ้าหน้าที่ก็จะขอหมายจับมาดำเนินคดี แต่เบื้องต้นทราบว่า ทั้งสองคนได้ กระทำแบบนี้มานาน และหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งก็จะทำหมายแดงส่งอินเตอร์โพลตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อเอากลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย


ซึ่งนายตำรวจทั้งหมดจะถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ และ ข้อหา ตามมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือจะรับผลประโยชน์ เบื้องต้นจะเป็นสองข้อหานี้ โดยมีการสอบปากคำไปแล้วบางส่วนแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบกับทางธนาคาร


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจที่มีการถูกระบุนั้น ได้มีการติดต่อตนมาเพื่อขอมอบตัว โดยได้ระบุให้ทยอยมาที่สโมสรตำรวจในวันนี้  (18 มิ.ย.) และ ในวันที่ 19 มิถุนายน ทั้งนี้ในส่วนของ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ยังไม่มีการประสานเข้ามามอบตัว แต่ได้มีการพูดคุยไว้แล้ว



ส่วนพลเรือนสองคนนั้นที่หลบหนีไปก่อนเป็นนกรู้ เพราะอยู่กับตำรวจ เมื่อรู้ว่าจะถูกออกหมายจับก็รีบหลบหนีออกนอกประเทศไปทันที แต่ไม่น่ากังวลอะไร เพราะทรัพย์สินยังมีอีกเยอะ ก็จะใช้มาตรการทางกฎหมายในการยึดทรัพย์ ส่วนการดำเนินคดีกับตำรวจก็มีทั้งคดีอาญาและทางวินัย หากพบว่าผิดวินัยร้ายแรงทาง ผบ.ตร.ก็จะมีการเซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนในคดีอาญาถือว่าเป็นการทุจริต เมื่อมีการสอบสวนดำเนินคดีก็จะส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. เมื่อ ป.ป.ช.รับคดีไปแล้วก็จะส่งเรื่องให้อัยการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


และเช้าวันนี้ 18 มืถุนายน 2566 เวลา 10.00 น ตำรวจ 2 นายเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ที่สโมสรตำรวจ


ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครเป็นตัวการใหญ่ บงการเรื่องนี้ และมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า พบข้อมูล มีตัวการใหญ่ที่เป็นตำรวจและพลเรือนอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยทีมคณะทำงาน จะตรวจสอบข้อมูชเป็นรายบุคคล และเส้นทางการเงิน เพื่อประกอบสำนวนคดี



https://youtu.be/HUihDDfJFq4

คุณอาจสนใจ

Related News