สังคม

บุกคลินิกผลิตคอนเทนต์สยิว เลเซอร์ขนน้องสาวลงโซเชียล พบใช้ยา-เครื่องสำอางเถื่อน

โดย paranee_s

17 มิ.ย. 2566

2.7K views

วันที่ 17 มิถุนายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อม กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการตรวจค้นคลินิกเสริมความงามที่มีการโฆษณาคลิปวิดีโอการให้บริการเลเซอร์อวัยวะเพศหญิงโดยไม่มีมีการเบลอวิดีโอลงช่องทางยูทูป


สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้รับการประสานงานจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กรณี ปรากฏคลิปวิดีโอ คลินิกแห่งเวชกรรมหนึ่งรีวิวการใช้เครื่องเลเซอร์กำจัดขนบริเวณอวัยวะเพศหญิงโดยไม่ได้มีการปกปิด หรือเบลอคลิปวิดีโอก่อนเผยแพร่แต่อย่างใด


ซึ่งคลิปวิดีโอดังกล่าวเมื่อดูแล้วส่อไปในทางลามกอนาจาร อันมีลักษณะเป็นการกระตุ้น และยั่วยุอารมณ์ทางเพศของผู้เข้าชมจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ และแพร่หลายจนเป็นกระแสในโลกโซเชียล


เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบคลิปวิดีโอดังกล่าวพบว่า มีการใช้เซ็กซ์ครีเอเตอร์รายหนึ่ง ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 5 แสนราย มาทำการถ่ายทำรีวิวการทำเลเซอร์อวัยวะเพศ โดยใช้สถานที่ของคลินิกในการถ่ายทำเพื่อนำไปเผยแพร่ อาศัยยอดผู้ติดตามเซ็กซ์ครีเอเตอร์คนดังกล่าวเพื่อผลประโยชน์ทางการตลาดของคลินิก


เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนจนทราบว่าสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำ เป็นคลินิกดังย่านแบริ่ง ซึ่งคลินิกดังกล่าวมีหลายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น สาขาบางนา, สาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สาขารามอินทรา และสาขาอุดรธานี เป็นต้น


ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบคลินิกเวชกรรมดังกล่าว จำนวน 2 สาขา พบว่าคลินิกสาขาบางนา ได้ตรวจยึดผลิตภัณฑ์ยา ต้องสงสัยว่าจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 รวมจำนวน 3 รายการ


และสาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบว่าคลินิกดังกล่าวเปิดให้บริการเสริมความงามแก่ประชาชนทั่วไป ตรวจยึดผลิตภัณฑ์ยา ต้องสงสัยว่าจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 รวม 1 รายการ และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ที่ไม่พบเลขที่จดแจ้งเครื่องสำอาง จำนวน 200 ตลับ ตามพ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558


รวมตรวจค้น 2 จุด ตรวจยึดของกลางตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 จำนวน 4 รายการ และ พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 จำนวน 1 รายการ รวมทั้งหมด 5 รายการ


โดยจากการตรวจสอบการขออนุญาตการโฆษณา ปรากฏว่าคลินิกดังกล่าว มีการโฆษณาผ่านช่องทาง ทวิตเตอร์ และยูทูบ โดยไม่ได้ขออนุญาตโฆษณาตามกฎหมาย และการกระทำดังกล่าวผู้ทำการโฆษณา และผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลดังกล่าวจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ร่วมกันโฆษณาหรือประกาศด้วยประการใดๆ เกี่ยวกับการประกอบกิจการสถานพยาบาล โดยไม่ได้รับอนุญาต” และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฐาน “ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” โดยพนักงานสอบสวนจะได้เรียกผู้ต้องหาทั้งหมดมาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป


เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม

1. พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 38 ฐาน “ร่วมกันโฆษณาหรือประกาศด้วยประการใดๆ เกี่ยวกับการประกอบกิจการสถานพยาบาล โดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษ จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (4) ฐาน “ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” ระวางโทษ จำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. ผู้ทำการหัตถการโดยไม่ใช่แพทย์ในคลิปวิดีโอมีความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา 72 (4) ฐาน “ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ระวางโทษ จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5. พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 มาตรา 14 ฐาน “ขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง” ระวางโทษ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท


นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง ยื่นเรื่องขออนุมัติโฆษณาสถานพยาบาลทุกครั้งตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งจะต้องเข้มงวด กวดขัน มิให้ผู้อื่นมาโฆษณาแทน เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ถูกต้อง และเหมาะสม ด้วยสถานพยาบาลเป็นสถานที่ ซึ่งผู้ป่วยให้ความไว้วางใจในการดูแลสุขภาพ ร่างกายของตน หากมีการเผยแพร่ข้อมูลโฆษณาที่ไม่ถูกต้อง หรือใช้ภาพคนไข้ที่อยู่ในอิริยาบถที่ไม่เหมาะสม ส่อไปทางลามก อนาจาร ย่อมสร้างความเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคได้


ถึงแม้สถานพยาบาลจะปฏิเสธว่ามิได้มีส่วนรู้เห็น หรือมิได้เป็นผู้โฆษณาด้วยตนเองแต่ตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 กำหนดให้สถานพยาบาลเอกชน ห้ามปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นโฆษณาสถานพยาบาลแทน ไม่ว่าสถานพยาบาลจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ แต่หากมิได้มีการทักท้วง ห้ามปราม ก็จะถือว่าเข้าข่ายรู้เห็น ยินยอมให้มีการโฆษณาสถานพยาบาลแทน ซึ่งถือว่าเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมาย หากประชาชนท่านใดพบเห็นการโฆษณาสถานพยาบาลที่ดเข้าข่ายเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง หรือส่อไปในทางลามก อนาจาร


ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่าการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ สถานที่เป็นคลินิกที่ได้รับอนุญาตแล้ว แต่ยาที่นำมาใช้กับคนไข้ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา เครื่องสำอางไม่มีเลขที่จดแจ้ง

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ