สังคม

พี่สาวร้องสื่อ น้องสาวปวดท้องหนัก รอหมอจนช็อกเสียชีวิต

15 มิ.ย. 2566

25.8K views

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2566 ที่จังหวัดระนอง พี่สาว ร้องสื่อน้องสาวปวดท้องรอหมอจนเสียชีวิต พี่สาวเอาคลิปที่ถ่ายไว้ ขณะน้องสาวมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง จนทนไม่ไหวร้องไห้ และดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงคนไข้ มีพ่อแม่ยืนอยู่ข้างเตียง ต้องคอยกอดและปลอบใจลูกสาวตลอดเวลา


ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากหญิงรายหนึ่ง ว่า เกิดเหตุในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่จังหวัดระนอง น้องสาวของเธอมีโรคประจำตัว คือโรค SLE หรือโรคแพ้ภูมิตัวเองลงไตและกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง เริ่มมีอาการปวดท้องรุนแรง กลางดึก


เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา และนำตัวส่งโรงพยาบาล เมื่อถึงโรงพยาบาลนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน เพื่อตรวจดูอาการ พยาบาลเวรบอกว่าน้องเป็นโรคกระเพาะ จากนั้นพาไปนอนรอดูอาการในห้องผู้ป่วยรวม แต่อาการปวดท้องก็ไม่หาย กลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ น้องสาวส่งเสียงร้องปานจะขาดใจ เรียกพ่อเรียกแม่ให้ช่วย เรียกพยาบาลแต่พยาบาลกลับไม่สนใจ และไม่มีคุณหมอมาดูอาการ จนต้องอัดคลิปไว้เป็นหลักฐานในช่วงเช้า


หลังเข้ารับการรักษา ร่วม 4 ชั่วโมง เพื่อยืนยันไม่มีแพทย์มาดูแลและพยาบาลพูดจาไม่ดี มีการโต้เถียง พยาบาลสั่งลบคลิป แต่ตนไม่ลบ ก่อนตัดสินใจเตรียมพาน้องย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานีในช่วงเช้า แต่น้องสาวทนเจ็บไม่ไหวเสียชีวิต ช็อกคารถเข็น ก่อนรอขึ้นรถที่พ่อกำลังมาจอดรับตัวหน้าห้องฉุกเฉิน


พร้อมนำคลิปมาร้องสื่อขอความเป็นธรรมและขอคำตอบจากโรงพยาบาล ตอนนี้ครอบครัวอยากขอความเป็นธรรม และขอคำตอบจากทางโรงพยาบาลถึงสาเหตุที่ติดใจ น้องสาวขาดการดูแลจนเสียชีวิต


ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ บ้านห้วยปลิง ต.ราชกรูด อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ซึ่งเป็นบ้านของผู้เสียชีวิต สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ น.ส.ทิพยวรรณ หรือน้องป๊อป อายุ 27 ปี โดยมีพี่สาว นางสุภาวดี หรือปาล์ม อายุ 31 ปี มาต้อนรับ ก่อนเดินกลับไปที่รูปน้องสาว หน้าโลงศพ แตะไปที่รูปแล้วบอกกับน้องว่า นักข่าวลงมาดูแล้ว พี่จะขอความเป็นธรรมให้กับน้อง ท่ามกลางญาติพี่น้องที่เดินทางมาเคารพศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ


พี่สาวได้เปิดใจและเล่าเรื่องราวย้อนให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่า ประมาณตี 2 น้องมีอาการปวดท้อง ร้องกรี๊ด เจ็บมาก ตอนแรกคือจะไม่ไปโรงพยาบาล แต่ประมาณ 10 นาทีต่อมา น้องยังเจ็บอยู่ จึงบอกพ่อไปโรงพยาบาลกัน


เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็เข้าห้องฉุกเฉิน หมอก็พาไปฉีดยา จนน้องอาเจียนออกมา แล้วก็ไปล้างตัวกัน ซึ่งขณะล้างตัวน้องยังปวดท้องอยู่ แล้วก็ส่งขึ้นข้างบนให้พาคนไข้ไปห้องรวม เมื่อไปถึงห้องรวมก็น้องยังเจ็บมาก น้องก็ขอยาเพื่อที่จะฉีดให้ตัวเองไม่เจ็บ พยาบาลบอกว่า ให้ยาไปแล้วค่ะมัน ให้เยอะไม่ได้เดี๋ยวน้องจะมีอาการแน่นหน้าอก เมื่อพยาบาลวัดความดัน เสร็จแล้วก็ไปแล้ว น้องตนมีอาการเจ็บมาก


พอประมาณช่วงเจ็ดโมงเช้า พอตนเห็นว่ายังไม่มีหมอ หรือพยาบาลมาเลย จึงถ่ายคลิปเอาไว้ ซึ่งขณะนั้นไม่คิดว่าน้องจะเสีย เราอยากให้เป็นหลักฐานว่าไม่มีพยาบาล ไม่มีหมอเลยที่มาดูน้อง ตนพยายามอัดวิดีโอแล้วก็ให้เห็นว่าไม่มีหมอไม่มีใครมาแล้ว ตนก็วิ่งลงไปตามหมอ เผื่อจะมีหมอที่ชั้น 2 ,ชั้น 1


เมื่อไปถึงเขาบอกว่า หมอคนละคนกันกับที่รักษาชั้น 3 ตนเลยวิ่งขึ้นมาหาข้างบนอีกที แล้วยังเห็นน้องยังกรีดร้องอยู่ พอมีพยาบาลเดินมาค่ะตนเลยสอบถาม ตามคลิปที่ถ่ายไว้ พยาบาลก็พูดไม่ดีพูดไม่ดีเลย เขาพูดไม่ดีกับคนไข้ พอมาแล้วเขาก็ อ้างว่าหมอไม่อยู่ หมอไปรักษาคนไข้คนอื่นอยู่ ไปรักษาคนอื่นเคสที่สำคัญ ตนก็ถามว่าเคสของน้องไม่สำคัญหรือ น้องเจ็บจะตายอยู่แล้ว ไม่สำคัญหรือคะ พยาบาลบอกว่า หมอมาเดี๋ยวถามหมอเลย ตนบอกว่าได้ค่ะอย่างนั้น


ซึ่งมีการถกเถียงกับพยาบาลด้วยค่ะตอนนั้น คือสั่งให้ตนลบคลิปแต่ตนไม่ลบ ตนไม่ได้คิดจะเอาไปทำอะไร แค่ตนอยากเก็บเป็นหลักฐานไว้ให้ตัวตนเฉยๆ ไม่ได้ต้องการเอาไปเผยแพร่หรืออะไรทั้งสิ้น แต่แค่เก็บไว้ แล้วเขาก็ไม่พอใจ ประมาณว่าให้ลบ แล้วมาสั่งแม่ตนด้วย แต่ตนยืนยันว่า ไม่ลบ เขาบอกว่าเขาพูดดี แต่ตนมีความรู้สึกเขาไม่ได้พูดดีกับน้องเลย อันนี้ตนอยากจะให้พยาบาลคนนี้มาขอขมาน้อง


ซึ่งเหตุที่ร้องขอความเป็นธรรมอันดับแรก ตนอยากทราบว่าทำไมห้องฉุกเฉินถึงปล่อยให้น้องขึ้นไปห้องรวมได้ ทั้ง ๆ ที่น้องตนมีอาการเจ็บอย่างรุนแรง โดยที่ไม่ทุเลาลงเลย เขาก็พาขึ้นไปข้างบน (ตึกอายุรกรรมหญิงชั้น3) ก็อยากรู้อีกว่าพยาบาล สื่อสารกับหมอยังไง ทำไมหมอถึงไม่มาดูน้องตั้งแต่ตี 3 จนถึง 8:00 น หมอเพิ่งจะมา อาการของน้องรุนแรง ตนไม่แน่ใจพยาบาลสื่อสารยังไงหมอถึงไม่มา ข้อสามคือ หมอไปไหน ไม่มีหมอเวรประจำตึกเหรอ หรือว่ามาตอนเข้าเวรเช้าทีเดียว อยากให้หมออธิบายว่าตอนนั้นหมอไปไหน


หลังจากที่ได้พบหมอ ในช่วงเช้า เราได้คุยกับหมอ ตอนนั้นเราก็คุยกับหมอว่าขอไปรักษาต่อที่ จ.สุราษฎร์ได้ไหม เพราะว่าก่อนหน้านั้น หมอก็ได้อธิบายแล้วว่า น้องได้รับยาไปทุกตัวแล้ว น้องก็ยังอาการไม่ดีขึ้น แล้วก็ต้องมีขั้นตอนในการไปสุราษฎร์ธานี หากเดินทางไปเร็ว คือต้องเดินทางไปเอง แต่ถ้าเกิดให้โรงพยาบาลส่งตัวจะต้องทำตามขั้นตอนของโรงพยาบาลก่อน ซึ่งจะต้องไปเข้าเปิดไปเอกซเรย์ ไม่แน่ใจว่าเอกซเรย์อะไร แต่ต้องต่อคิว โดยที่จะทำทันทีไม่ได้


ตนเลยตัดสินใจคุยกับพ่อแล้ว เราจะพาไปเอง โดยเอารถไปเอง หลังจากนั้นคนไข้ก็ได้ขึ้นเปล เพื่อที่จะส่งลงไปข้างล่าง ก่อนจะลงไป พยาบาลได้บอกว่าอย่าส่งเสียงดัง มิเช่นนั้นจะส่งไปห้องฉุกเฉินอีกรอบหนึ่ง เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นอีก น้องก็เลยทน ทนให้ตัวเองเจ็บมาก ก็ทนไม่กรี๊ด จนไปช็อกหน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งที่พ่อกำลังเอารถมารับ มาเสียชีวิตตรงหน้าห้องฉุกเฉินพอดี ก่อนจะขึ้นรถ ไปรักษาที่สุราษฎร์ธานี


ซึ่งก่อนหน้าน้องเคยไปรับการรักษามาก่อน แต่กลับมาเสียชีวิตก่อน หากถ้าเขาดูแลรักษาน้องตนตั้งแต่ตี 3 ตนว่าไม่ต้องรอถึงเช้าหรอกค่ะ หมอต้องมาก่อนมาพาน้องไปเอกซเรย์ ตั้งแต่ตี 3 รวมทั้งอยากให้พยาบาลมาขอขมาน้อง การพูดจาไม่ดี ในขณะน้องเจ็บ อยากให้เขามาขอขอขมาน้อง


ในส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตนะคะตนไม่ติดใจอะไร ตนยังเชื่อมั่นในมือหมอ ในตัวหมอที่ได้ทำการชันสูตรพลิกศพน้องตนเชื่อมั่นในตัวหมอ ตนไม่ข้องใจ แค่ตนข้องใจตรงที่หมอไปไหน ทำไมการรักษาไม่ดูแลคนไข้ เคสอื่นที่เขาอยู่ ณ เวลานั้นที่เขาได้ยินเสียงน้องตนร้องไห้กรี๊ด ขวัญเขาไม่ผวากันหมด ถ้าเกิดเป็นเขาต้องมาเป็นเหมือนน้องแบบนี้แล้วเขาจะเป็นยังไง


อยากให้เคสนี้เป็นเคสสุดท้าย อยากให้โรงพยาบาล พัฒนาบุคลากรของโรงพยาบาล ให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ มีจรรยาบรรณของพยาบาลและจรรยาบรรณของหมอ เพื่อที่เขาจะได้ดูแลคนไข้ คนไข้อยู่จะได้รู้สึกปลอดภัยไม่ใช่ไปโรงพยาบาลแล้วรู้สึกว่า เราจะรอดกลับไปหรือเปล่า อยากให้คนไข้ทุกคนหรือประชาชนทุกคนในระนองไปโรงพยาบาลด้วยความไม่ต้องกังวล อยากให้โรงพยาบาลระนอง มีหมอที่เพียงพอต่อคนไข้ คือถ้าเกิดบอกว่าไม่มีหมอ ประชาชนจะอยู่ยังไง ไม่มีหมอ ถามพยาบาล บอกว่าไม่มีหมอแบบนี้ตนว่าก็ไม่ใช่ค่ะ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ