ชาวบ้านร้อง ซื้อบ้านไม่ตรงปก ส่งเงินซื้อหลักแสน ได้สภาพบ้านเหมือนสังกะสีห้องน้ำวัด

ชาวบ้านร้อง หลังส่งเงินซื้อบ้านหลักแสน กลับได้สภาพบ้าน ไม่ตรงปก คล้าย ๆ สังกะสีห้องน้ำวัด

โดยผู้สื่อข่าวของเรา ลงพื้นที่ ที่ซอยเลียบคลองเจ็ก ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี พบชาวบ้านกว่า 30 คน นำหลักฐานเข้าขอความช่วยเหลือกับนายเกียรติคุณ ต้นยาง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา และว่าที่ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จังหวัดนนทบุรี หลังซื้อบ้านโครงการมั่นคง ซึ่งได้ส่งเงินไปแล้วกว่าหลักแสน กลับได้สภาพบ้านเป็นสังกะสี ยิ่งกว่าแคมป์คนงาน

ผนังมีรู ผุพัง ช่วงหน้าฝนสังกะสีปลิวหลุดเสียหาย ฝนตกต้องคอยรองน้ำ ต้องเปลี่ยนปลั๊กหลายจุดเพราะไม่ได้มาตรฐาน เคยมีชาวบ้านถูกไฟดูด ต้องอยู่ท่ามกลางสัตว์มีพิษ ทั้งงูเห่า และตะขาบ ชาวบ้านหลายคนทนไม่ไหวต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่บางครอบครัวกลับต้องทนอยู่เพราะไม่มีเงินไปซื้อบ้านใหม่

จากการสอบถามคุณอัฐ อายุ 48 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ตอนนี้เดือดร้อนมาก ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ของตนเป็นคนซื้อบ้านในโครงการบ้านมั่นคง ตนอยู่ได้ประมาณ 4-5 เดือน แล้ว จะคอยมาตัดหญ้าบริเวณบ่อบำบัดตลอดแต่ตอนหลังๆไม่ได้อยู่แล้วเลยไม่เข้ามาตัด ซึ่งตนต้องลงทุนซื้อเครื่องตัดหญ้าเอง

ทางประธานโครงการบ้านมั่นคงไม่เคยมาเหลียวแลและดูแลที่นี่เลย ไม่มีการปรับปรุง ทำให้ที่นี่ทรุดโทรมและเสื่อมโทรม มีงูเห่า และตะขาบ ทางสหกรณ์ก็ไม่มีงบมาสนับสนุนหรือพัฒนาปรับปรุงใดๆ ถ้ามีต้องเบิกจ่าย ทำให้ยุ่งยากวุ่นวาย

ทั้งนี้ ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาปรับปรุงห้องพักของสมาชิกในสหกรณ์ เพราะจริงๆแล้วตรงนี้คือบ้านพักของสมาชิกชั่วคราว ไม่ใช่เป็นบ้านตามแบบที่ตกลงซื้อ ห้องที่ตนอยู่ต้องมาตีตะปูใหม่เองกันผนังหลุดแทนของเดิมเพราะพายุแรงๆ แผ่นสังกะสีหลุด ไล่หลุดเป็นจุดๆ ต้องมาทำไฟเพิ่มบางจุด เพื่อไม่ให้อยู่กับความมืด ซึ่งได้รับความเดือดร้อนมาก ที่นี่เวลาลมพัดแรงๆสังกะสีจะหลุดแล้วปลิวเนื่องจากโครงสร้างไม่แข็งแรง

ซึ่งหลายอย่างตนต้องใช้งบส่วนตัวมาทำไม่ว่าจะเป็น ปลั๊กไฟ บางจุดต้องทำใหม่เพราะเวลากดไฟดูด ตนระแวงเรื่องสัตว์มีพิษ จะเข้าห้องน้ำไม่เคยมีความสุข คืนหนึงเข้า 3-4 รอบ

คุณอัฐ บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยอยู่ห้องเก่า ตอนนั้นใช้โฟมมาบุเป็นฝ้าเพื่อกันความร้อนและกันฝนหยด ตนมาทำห้องนี้เป็นห้องแรก แต่มีงูเข้าบ้านเลยย้ายไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ซึ่งแม่เป็นสมาชิกอยู่ตนจึง ตนตัดสินใจที่มาซื้อโครงการดังกล่าว สาเหตุคืออยากได้บ้าน และตอนนั้นมีโปรเจคในการทำงาน ทำสินค้าขายแล้วจึงอยากได้สถานที่เพื่อทำของขาย ซึ่งตอนนี้ความฝันของตนได้ดับสลายลงแล้ว โดยโครงการตรงนี้ไม่เคยมีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลเลย

ด้านนางอรุณศรี สุตนาม อายุ 67 ปี กล่าวว่า ตนมาซื้อบ้านมั่นคงตั้งแต่ปี 59 น้องสาวแนะนำมาบอกว่าให้มาซื้อบ้านมั่นคงเพราะเขาซื้ออีกสถานที่หนึ่งแล้วได้บ้านจริง ตนจึงตกลงมาซื้อตรงนี้ ส่งเดือนละ 800, 900, 1,000 ส่งมาเรื่อยๆ และตนก็ทยอย ทบเงินขึ้นเรื่อยๆเป็น 2,000 2,500 จน 3,380 หลังจากเข้ามาอยู่พบว่า ในความเป็นจริงสภาพบ้านที่ได้รับคืออยู่ไม่ได้เลย ตอนแรกตนไม่เคยเห็นบ้านจริงคิดแต่ว่ารีบส่งเงินผ่อนบ้านให้ได้มาก ๆ ก็ยิ่งดี เพราะโครงการอ้างว่าถ้าจ่ายเงินมากส่งเร็วบ้านก็จะขึ้นเร็ว ใครส่งช้าก็จะได้บ้านทีหลัง ตั้งแต่ส่งไปก็ไม่มีบ้าน มีแต่สภาพบ้านแบบนี้ซึ่งจะพังอยู่แล้ว ตอนนี้ตนจ่ายเงินไปประมาณ 170,000 บาท รู้สึกเสียใจมากและเสียความรู้สึก

ไม่คิดว่าจะคนจนจะมาหลอกคนจนด้วยกันแบบนี้ ซึ่งคนดูแลโครงการพูดมาตลอดว่า เขาไม่โกงเงินใคร ไม่โกงใครกิน หลังจากบ้านมีปัญหา จะคุยกับใครก็หายเงียบ ไม่เคยโผล่หัวมา ไม่เคยเห็นหน้าตา อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือคนจนที่อยากได้บ้านทั้งหลาย ถ้าไม่ได้บ้านได้เงินคืนก็ยังดี เพราะตนเป็นคนหาเช้ากินค่ำ บางคนต้องไปกู้เงินมาส่งบ้าน เพราะทางโครงการขู่ว่าถ้าไม่ส่งจะโดนปรับ ซึ่งยากให่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ

นางสาว หทัยกาญจน์ ฉิมมาลีมีชัย อายุ 50 ปี กล่าวว่า ตนส่งบ้านไปประมาณ 70,000 บาท ตั้งแต่ปลายปี 62 หลังจากที่โครงการซื้อที่ดินตรงนี้แล้ว ซึ่งหลังจากที่ซื้อ โครงการบอกว่าบ้านตรงนี้จะสร้างเป็นบ้านพักชั่วคราวให้อยู่ก่อน และมันอยู่ไม่ได้ ฝนตกก็รั่ว เสาบ้านก็เริ่มพัง ตนเสียใจคำพูดไม่เป็นคำพูด ตนรู้จักโครงการตรงนี้เพราะเพื่อนชวนมา มันมีโครงการแบบนี้ตรงจุดอื่นที่เขาขึ้นเลยนึกว่าเหมือนกันจึงตัดสินใจซื้อ

ตอนนี้ตนจ่ายแค่ค่าน้ำ ค่าไฟ อย่างเดียวแต่มันอยู่ไม่ได้ น้ำรั่ว ไม่น่าอยู่ แต่ต้องอดทนอยู่เพราะว่าไม่มีบ้าน บางคนอยู่ไม่ได้ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น

หนึ่งในชาวบ้านยืนยัน ตอนแรกที่ซื้อเห็นแบบบ้านสวย ๆ ด้านประธานหมู่บ้านบอกว่าจะมีการสร้างบ้านพักชั่วคราวให้ชั่วอยู่ก่อน โดยบอกว่าให้อยู่ 3 เดือน แต่ตอนนี้ 3 ปีแล้ว

ด้านนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง กล่าวว่า จากที่ตนได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านแล้วรู้สึกเห็นใจ และจากฟังข้อมูลข้อเท็จจริงและประกอบกับหลักฐานที่มีอยู่ ชาวบ้านได้มีการไปแจ้งความที่สภ.บางบัวทองตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา จนมาถึงวันนี้ได้ 6 เดือนแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งยืนยันจะช่วยเหลือชาวบ้านให้ถึงที่สุด

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/GVIPXJZs0Yc