เลือกตั้งและการเมือง
'เลขา ป.ป.ช.' เผย 'พิธา' ยื่นค้ำประกันเงินกู้ 1 รายการ ขอตรวจก่อนก้อนเดียวกับ 117 ล้านหรือไม่
โดย passamon_a
10 มิ.ย. 2566
702 views
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.66 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาส วันสถาปนาครบรอบ 25 ปี สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
โดยสื่อมวลชนได้สอบถามถึง นายนิวัตไชย ถึงกรณีมีข่าวว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีการค้ำประกันการกู้ยืมเงินภายในบริษัทของธุรกิจในครอบครัว กว่า 117 ล้านบาท โดยที่ยังไม่ได้แจ้งรายการดังกล่าว ต่อ ป.ป.ช.ว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่เห็นว่ามีการยื่นคำร้องเข้ามา และยังไม่แน่ใจว่า นายพิธาได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินแล้วหรือไม่ แต่พบว่ามีรายการค้ำประกันเงินกู้ แจ้งมา 1 รายการ แต่จำยอดไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ขอเวลาไปตรวจสอบก่อนว่าเป็นตัวเดียวกันหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการค้ำประกันเงินกู้แล้วไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือหนี้สินจะมีผลทางกฎหมายหรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า การค้ำประกันยังไม่ถือเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจริง เป็นเพียงสิทธิ หากลูกหนี้ผิดนัดเจ้าหนี้ก็มีสิทธิไปเรียกร้องกับผู้ค้ำประกันได้ และจึงอาจจะเกิดหนี้ในตอนนั้น และยังมีกรณีต้องพิจารณาด้วยว่าการค้ำประกัน เป็นประเด็นที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหรือไม่
ส่วนจะต้องเชิญนายพิธามาชี้แจงหรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการตรวจสอบบัญชีตามปกติที่ยื่นเข้ามา ซึ่ง ป.ป.ช.ได้มีการตรวจสอบอยู่แล้วว่าบัญชีที่ยื่นเข้ามามีความผิดปกติหรือไม่ เป็นการค้ำประกันหนี้ให้กับใครมูลค่าเท่าไหร่
เลขาธิการ ป.ป.ช. ตอบคำถามถึงการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน กรณีการถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ว่า นายพิธาแจ้งมาในฐานะผู้จัดการมรดกหรือเจ้าของหุ้น โดยกล่าวว่า เป็นการยื่นมาในชื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และระบุจำนวนหุ้นประมาณ 42,000 หุ้น แต่ไม่ทราบว่ายื่นมาในฐานะอะไร
ส่วนหุ้นที่ยื่นมาเป็นหุ้นของสื่อมวลชนและกระทบกับคุณสมบัติหรือไม่นั้น เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า เรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามไม่ใช่หน้าที่ของ ป.ป.ช. เพราะ ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องการมีอยู่จริงของทรัพย์สิน ว่ามีการปกปิดบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ ส่วนทรัพย์สินนั้นจะส่งผลให้ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามอย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ ป.ป.ช. แต่อาจจะประสานต่อ กกต. ได้ หรือ กกต. สามารถขอข้อมูลมาเป็นหลักฐาน ประกอบการพิจารณาได้
ส่วนรายละเอียดที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ต้องระบุประเภทกิจการของหุ้นที่ถือหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า เอกสารที่ยื่นมาเป็นใบหุ้น ซึ่งระบุประเภทกิจการอยู่แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าระบุวัตถุประสงค์ ของบริษัทที่ถือหุ้นหรือไม่ ซึ่ง กกต.สามารถขอเอกสารมาเป็นหลักฐานในการพิจาณาได้
ส่วนที่นายพิธาไม่ได้ยื่นหุ้น ITV ตอนเข้ารับตำแหน่งนั้น นายนิวัติไชย ยืนยันว่านายพิธาได้ยื่นเพิ่มเติมเข้ามาภายหลังรับตำแหน่ง ซึ่งต้องดูข้อเท็จจริง ว่ามีเจตนาอย่างไร ยังไม่สามารถตอบได้ว่าการไม่ยื่นมาช่วงรับตำแหน่งมีความผิดหรือไม่ แต่กรณีพ้นจาก ส.ส.ล่าสุดเข้าใจว่าได้ยื่นแล้ว และยืนยันว่า กรณีที่นายพิธายื่นเพิ่มเดินเข้ามา ไม่ได้เพิ่งมายื่นในช่วงที่มีประเด็น
ส่วนการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินนายพิธา กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 20 มีนาคม เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการทยอยเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน ของ ส.ส.ที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว คาดว่าจะมีการเปิดเผยเร็ว ๆ นี้
สำหรับกรณีที่นายพิธา มีนโยบายที่จะปฏิรูปองค์กรอิสระที่ไม่อิสระจริงนั้น นายนิวัติไชย ว่า เรื่องนี้เป็นของสภา ที่จะปรับปรุงคุณสมบัติและการสรรหา และพิจารณาแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอย่างไร รวมถึงจะแก้ไขอำนาจหน้าที่ขององค์กรอย่างไร
สำหรับที่ผ่านมาองค์กรอิสระมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่าถูกครอบงำ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า แล้วแต่มุมมองของแต่ละบุคคล ต้องดูเรื่องผลงานว่าแต่ละองค์กรมีการทำงานอย่างไร