อาชญากรรม

“วิโรจน์-สหพันธ์การขนส่งฯ” หอบหลักฐานส่วยสติกเกอร์ แฉอีก พบ “อัยการ” มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

โดย paranee_s

8 มิ.ย. 2566

666 views

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ส.ส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย นำหลักฐานของกลุ่มผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ได้รับความเดือดร้อนจากการส่งส่วยสติกเกอร์ให้กับตำรวจทางหลวง


นายวิโรจน์ กล่าวว่า หลักฐานที่มีเป็นของทั้งผู้ประกอบการ และพลเมืองดีที่แจ้งเบาะแสเข้ามาเพื่อให้ตำรวจนำไปดำเนินการสืบสวนเชิงลึก และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อ พร้อมกับเชื่อว่าตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว และจะขยายผลได้ดีกว่า การนำข้อมูลมาให้เพื่อให้ตรวจสอบว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่


การยื่นหนังสือครั้งนี้คาดหวังให้สืบสวนไปถึงการเรียกรับประโยชน์ทั้งระบบ และให้ดำเนินคดีทั้งผู้สนับสนุนให้บรรทุกน้ำหนักเกิน เช่น โรงโม่ บริษัทขายหินทราย ให้มีคำสั่งยึดใบอนุญาตประกอบโรงงาน หรือใบ รง.4 ซึ่งจะเป็นต้นเหตุของปัญหาบรรทุกน้ำหนักเกินจนนำไปสู่การจ่ายส่วย และไม่อยากให้มีการกลั่นแกล้งรังแกผู้ประกอบการที่ทำสุจริต


อีกทั้งการค้าสำนวนของพนักงานสอบสวนที่อาจจะร่วมกับอัยการบางคนในการดำเนินคดีกับรถบรรทุกที่น้ำหนักเกินจากปกติบรรทุกได้ไม่เกิน 55 ตัน แต่เมื่อถึงด่านชั่งน้ำหนักน้ำหนักเกิน 100-200 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ และจะมีคำสั่งยึดรถจากอัยการในระหว่างดำเนินคดีในชั้นศาล และอาจจะถูกอุทธรณ์คดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทำให้ถูกยึดรถต่อเนื่อง แต่หากมีการจ่ายเงินก็จะถูกดำเนินคดีในชั้นศาล ซึ่งศาลก็จะสั่งลงโทษ 3,000-5,000 บาท และเห็นว่าคดีเหล่านี้เป็นการลงโทษที่ไม่สมส่วน


นายวิโรจน์ ยังระบุว่าด่านชั่งน้ำหนักต่าง ๆ ก็ต้องมีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว แต่หากน้ำหนักต้นทางบรรทุกมาไม่เกิน หรือเกินเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อถึงด่านชั่งกลับมีน้ำหนักเกินมาเป็น 100 กิโลกรัม ก็ควรเชื่อว่ารถบรรทุกไม่น่าจะมีเจตนาบรรทุกน้ำหนักเกินจนถึงขนาดนั้น ซึ่งที่ผ่านมารถที่บรรทุกเกินมา 30-40 ตัน ถูกดำเนินคดี แต่บางคันก็ได้รับการยกเว้นและถูกส่งฟ้องไปถึงอัยการ


ขณะที่นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ปัจจุบันมีรถบรรทุกอยู่ในไทยกว่า 1.5 ล้านคัน แต่เป็นสมาชิกของสหพันธ์กว่า 4 แสนคัน และได้ทำ MOU กันว่าจะต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยที่อยู่เหนือการควบคุมในการทำผิดกฎหมาย ปัญหาดังกล่าวก็ถือว่ามีมานานแล้วและไม่ได้รับการแก้ไข ในครั้งนี้เมื่อมีหลักฐานจึงนำมามอบให้ตำรวจตรวจสอบพร้อมยืนยันว่าไม่มีนัยยะใด ๆ ทั้งสิ้น หรือเป็นการขัดผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ประกอบการในสมาพันธ์ด้วยกันเอง


นายอภิชาติ ยังกล่าวว่า หากพบสมาชิกคนใดทำผิดเงื่อนไข ก็จะไล่ออกจากการเป็นสมาชิกทันที และสามารถตรวจสอบรถบรรทุกที่อยู่ในสหพันธ์ได้ เพราะมีความชัดเจนมาโดยตลอด ส่วนการเข้าไปร่วมตรวจสอบกับตำรวจ หรือจะลงไปตรวจสอบในสถานที่ที่มีปัญหาก็พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ


ขณะที่นายวิโรจน์ ยังระบุว่า การเข้ามาร่วมอยู่ในสหพันธ์ของผู้ประกอบการรถบรรทุกเป็นความสมัครใจ ไม่สามารถเหมารวมได้ว่าคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกจะทำผิดกฎหมายทั้งหมด แต่ผู้ประกอบการบางคน หรือเจ้าของรถบรรทุกก็อยู่ในภาวะจำยอมที่ต้องจ่ายส่วย เพื่อทำให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ซึ่งก็ต้องเป็นปัญหาที่ได้รับการแก้ไข


ขณะที่พลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จะรับข้อมูลของทั้งสองฝ่ายไปสืบสวนและดำเนินการถึงตำรวจเกี่ยวข้องทั้งหมดไม่เฉพาะตำรวจทางหลวง แต่รวมไปถึงหน่วยอื่นๆ ตามที่มีข้อมูลปรากฏ โดยเรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตรวจสอบให้ถึงที่สุด แต่หากใครยังมีข้อมูลในเรื่องดังกล่าวก็สามารถส่งมาให้ได้ ส่วนรถบรรทุกที่ทำถูกกฎหมายอยู่แล้วก็ไม่ต้องกังวล ก็จะได้รับความคุ้มครอง และจะดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ