สังคม

เจ้าของรถบรรทุกแฉขบวนการส่วยรถบรรทุก โอดโดนกลั่นแกล้ง แปะสติกเกอร์ก็ยังถูกจับ

โดย paranee_s

3 มิ.ย. 2566

287 views

แหล่งข่าวซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกขนวัสดุก่อสร้างในพื้นที่จังหวัดภาคอีสาน เปิดเผยว่า ตนวิ่งรถบรรทุกมาหลายปีแล้ว เป็นรถบรรทุกของตัวเอง ส่วนใหญ่มักจะขนหิน ดิน ทราย วิ่งในพื้นที่ภาคอีสานโซนเหนือ เช่น อุดรธานี, เลย, บึงกาฬ, หนองคาย, สกลนคร, หนองบัวลำภู และเรื่องขบวนการส่วยสติกเกอร์ ก็เป็นเรื่องปกติที่รู้กันในกลุ่มคนขับรถบรรทุก


โดยก่อนที่ตนจะซื้อรถบรรทุกของตัวเอง ตนได้ไปปรึกษารุ่นน้องในวงการรถบรรทุกคนหนึ่ง ก็ได้รับคำแนะนำว่า ถ้าตนซื้อรถมาแล้ว ต้องไปซื้อสติกเกอร์ แล้วรุ่นน้องก็บอกให้ไปซื้อสติกเกอร์จากเสี่ย บ. ซึ่งเป็นมาเฟียในพื้นที่ จากนั้นรุ่นน้องก็เอาเบอร์เสี่ย บ. มาให้ตนโทรหา


ซึ่งลักษณะการตกลงซื้อสติกเกอร์ก็คือ ตนต้องอธิบายว่าตอนนี้ตนมีรถบรรทุกใหม่มาวิ่งงาน แต่ยังไม่มีป้ายเคลียร์ เสี่ย บ. ก็ตกลง โดยคิดราคาตั้งแต่หลักพันไปถึงหลักหมื่น ซึ่งจะราคาจะมากน้อยต่างกันที่จำนวนน้ำหนักที่บรรทุก บรรทุกมากก็จ่ายมาก บรรทุกน้อยก็จ่ายน้อย โดยตนมีซื้อทั้งแบบ 5,000 บาทและ 10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเรตราคา 3,000-5,000 บาท จะไม่สามารถบรรทุกหนักได้ แต่เป็นการจ่ายเพื่อไม่ให้ตำรวจมาก่อกวน หาความผิดจุกจิกให้เวลาวิ่งรถ เป็นการตัดรำคาญ ส่วนเรตราคา 10,000 บาท จะสามารถบรรทุกหนักได้ แต่ไม่ได้เยอะมาก เวลาจ่ายก็เป็นการโอนจ่ายตามปกติ มีสลิปยืนยัน


สำหรับรูปแบบของสติกเกอร์ของเสี่ย บ. แต่เดิมจะเป็นรูปตัวอักษร 3B ต่อมาเปลี่ยนเป็นรูปตัวอักษร KN และเปลี่ยนเป็นรูปแอปเปิลในตอนหลัง เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนรูปสติกเกอร์บ่อย ๆ ก็เพื่อไว้ตรวจสอบว่าใครหมดรอบป้ายเดิมแล้วยังไม่ติดต่อจ่ายเพื่อซื้อป้ายรอบใหม่ โดยรอบระยะเวลาการเปลี่ยนป้ายอยู่ที่ประมาณ 3 เดือนครั้ง แต่บางรอบก็อาจจะใช้ป้ายเดิมนานเป็นปี เช่น ป้าย 3B ที่บางคนก็ใช้มาเป็นปีแล้ว ส่วนเวลาจะส่งสติกเกอร์ จะส่งผ่านรถบรรทุกของลูกน้องเสี่ย บ. ในลักษณะของการวิ่งสวนทางกัน แล้วจอดมาเจอกันเพื่อส่งมอบสติกเกอร์ให้ หรือไม่ก็จอดรอตามปั๊มน้ำมัน


แหล่งข่าว ระบุอีกว่า หลังจากตนเอง ซื้อสติกเกอร์ประมาณเดือนสิงหาคม 2565 ปรากฏว่าวิ่งรถได้ไม่นาน เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ก็ถูกตำรวจจับ บอกว่าตนบรรทุกเกิน ซึ่งสาเหตุที่ตนถูกจับทั้งที่ซื้อสติกเกอร์แล้ว เชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง เพราะตนดันไปวิ่งทับเส้นทางการวิ่งรถขนวัสดุก่อสร้างของญาติของเสี่ย บ. ในพื้นที่อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นจุดเดียวกันกับที่ตนถูกจับ โดยตำรวจที่จับเป็นตำรวจทางหลวง


ตอนที่โดนจับตน ก็งง และพยายามสู้ว่า มีสติกเกอร์แล้ว จะมาจับได้ยังไง อีกทั้งในวันดังกล่าว ตนไม่ได้บรรทุกเกินด้วย แต่ตำรวจบอกว่า ได้เคลียร์กับเจ้าของสติกเกอร์แล้วว่าจะต้องจับตน หรือมีใบสั่งมาแล้วว่าให้จับตนโดยเฉพาะ ตนจะขอให้ตำรวจเอารถตนเข้าด่านชั่ง ตำรวจก็ไม่ยอม และตนก็พยายามโทรหาเสี่ย บ. แต่ไม่สามารถติดต่อได้อีก ทำให้สุดท้ายตนถูกดำเนินคดีบรรทุกเกินพิกัด


อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ตนจะถูกจับ เสี่ย บ. ได้ส่งไลน์มาข่มขู่ตนว่า “วันนี้ไม่รอดแน่” และมีญาติเสี่ย บ. ส่งไลน์ไปบอกลูกน้องของตนว่า “ถ้าเห็นรถตนวิ่งบนถนน จะเอาให้หนักๆ เลย”


ทั้งนี้ การที่ตนถูกข่มขู่และกลั่นแกล้ง ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องวิ่งรถทับเส้นทาง แต่ยังเป็นความพยายามบีบบังคับให้ซื้อสติกเกอร์ในราคาที่แพงขึ้น ทั้งที่เกินความจำเป็น


โดยตอนนี้คดีเรื่องบรรทุกเกินพิกัดของตน อยู่ในชั้นศาล และจะมีคำตัดสินวันที่ 29 มิถุนายนนี้ ซึ่งตนก็จะต่อสู้เต็มที่ เพราะมั่นใจว่าไม่ได้บรรทุกเกิน ส่วนตัว เสี่ย บ. นั้น คือผู้ประกอบการรถบรรทุกรายใหญ่ของบริษัทที่ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ทำถนน รับงานขนหินดินทราย มีรถบรรทุกหลายสิบคัน และยังมีเส้นสายกับเจ้าหน้าที่ รับหน้าที่เป็นตัวกลางหรือหน้าเสื่อให้ระหว่างคนขับรถบรรทุกด้วยกันกับตำรวจด้วย


ส่วนการที่ตอนนี้เรื่องส่วยสติกเกอร์ถูกหยิบยกมาพูดถึงและหลายหน่วยงานบอกว่าจะแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ตนมองว่า เป็นเรื่องที่มีมานาน 20-30 ปีแล้วแต่ก็แก้ไม่ได้ หากจะแก้ต้องไปแก้ที่ต้นตอใหญ่ก็คือตั้งแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และแก้ที่ราคารับซื้อสินค้าให้สูงขึ้น ก็จะไม่มีความจำเป็นต้องแบกหนัก พร้อมฝากถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา ว่าถ้าทำเรื่องนี้แล้วก็ขอให้ทำให้สุด

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ