เลือกตั้งและการเมือง

“วิโรจน์” ขอจับตาสมาคมขนส่งทางบกฯ ยื่นหลักฐานเพิ่มบ่ายนี้ ปม “ส่วยทางหลวง”

โดย kanyapak_w

1 มิ.ย. 2566

239 views

“วิโรจน์” ขอจับตาสมาคมขนส่งทางบกฯ ยื่นหลักฐานเพิ่มบ่ายนี้ ปม “ส่วยทางหลวง” ย้ำไม่ใช่เพื่อแก้แค้น แต่ผู้ประกอบการทุกข์ร้อน เหตุ จนท.รีดไถผลประโยชน์ เตรียมเสนอทางแก้ให้คณะเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แนะ หากจะนำเทคโนโลยี เสนอให้ชั่งน้ำหนักรถบรรทุกขณะวิ่งไปเลย ต้นทุนน้อยหลักร้อยล้านแลกตัดตอนส่วยทางหลวงถือว่าคุ้ม




(1 มิ.ย. 2566) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีที่สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยจะเข้ายื่นหนังสือและเข้าพบเพื่อหารือตนเองในช่วงบ่ายเกี่ยวกับส่วยทางหลวง ว่า มีหลักฐานอะไรบ้างจะต้องรอดูระหว่างการหารือ แต่เบื้องต้นการยื่นหลักฐานในครั้งนี้ไม่ได้ยื่นเพื่อแก้แค้น แต่เป็นหลักฐานที่ให้เห็นช่องว่างในการเรียกรับผลประโยชน์ และทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน



“ถ้าเราจะปิดช่องว่างในการที่จะแก้ปัญหาเรื่องส่วย ควรจะปิดช่องว่างตรงไหน เท่าที่คุยจะเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาและมองไปข้างหน้ามากกว่า ไม่ได้กะว่าจะไปเอาคืนหรืออะไรหรอกครับ เพียงแต่ว่าในกระบวนการทั้งหมดก็มีช่องว่างอยู่ที่ทำให้ผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจขนส่งโดยสุจริตก็ต้องรู้สึกทุกข์ใจกับการรีดไถหรือเรียกรับผลประโยชน์” นายวิโรจน์ กล่าว



เมื่อถามว่าผลการหารือในวันนี้จะนำไปสู่การเสนอคณะเปลี่ยนผ่านรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า แน่นอน หลายเรื่องก็ต้องนำเสนอเพื่อแก้ปัญหา นอกจากนี้ ตนคิดว่าคงต้องพูดถึงกฎระเบียบหรือหลักเกณฑ์ต่างๆที่เป็นปัญหา เพราะต้องยอมรับว่ากฎระเบียบที่ไม่สมเหตุสมผลตามหลักวิศวกรรม หรือการบังคับใช้กฎหมายทั้งหลาย หลายครั้งการบังคับใช้กฎหมายก็ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ หรือเอากฎหมายที่ไม่เป็นธรรม



“คนที่เขาทำธุรกิจโดยสุจริตก็กลายเป็นคนผิดกฎหมายอย่างที่ไม่ควรจะเป็น สมมติว่ารถประเภทนี้ไปวิ่งอยู่ในประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว เขาวิ่งแบบนี้ เขาวิ่งได้ แต่ด้วยกฎหมายเมืองไทย ทำให้เขาผิดกฎหมาย โดยไม่สมเหตุสมผล เรื่องนี้ต้องรับฟังและพิจารณาแก้ไข อะไรที่เป็นไปตามหลักวิศวกรรม เรื่องนี้ต้องคุยกับทางวิศวกรรมแห่งประเทศไทย” นายวิโรจน์ กล่าว



เมื่อถามว่ามีการเสนอจากกรมทางหลวงให้ชั่งน้ำหนักรถบรรทุกแบบดิจิทัล แต่ก็มีการวิจารณ์ว่าหากจะรับส่วย ก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามาชั่งได้ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนคิดว่าหากจะนำเทคโนโลยีมาใช้ ควรชั่งน้ำหนักรถขณะวิ่งจะดีกว่า ซึ่งใช้ต้นทุนไม่แพง ประมาณ 1 ล้านบาทต่อเลนถนน ถ้าจะแก้ปัญหาให้หมด ตนคิดว่าใช้งบประมาณไม่ถึง 1 พันล้านบาท



“ส่วยมันมีมูลค่า 2 หมื่นล้านบาทไง แต่หากเราใช้หลักร้อยล้านแก้ปัญหา ผมว่ามันคุ้ม ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียเวลาในการต่อคิวเข้าไปชั่งน้ำหนักรถบรรทุก บางทีก็เข้าข่ายสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ให้รอไปอย่างนี้เขาก็เสียเวลาทำมาหากิน แต่ถ้าชั่งขณะวิ่ง ก็วิ่งไปเลย ที่สำคัญ หากคันไหนทำผิดกฎหมายก็มีกล้องดูทะเบียนได้อยู่แล้ว” นายวิโรจน์ กล่าว



แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ