สังคม

แม่ค้าร้อง ช่วยผัวเมียทหารเรือกู้เงิน 1.4 ล้าน ไปซื้อตำแหน่งแล้วถูกโกง ต้องจ่ายหนี้แทนจนป่วยแท้งลูก

โดย paranee_s

28 พ.ค. 2566

31 views

น.ส.เจนจิรา อายุ 32 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์ ได้เข้าร้องเรียนต่อนายปิยะณัฐ ปลัดอำเภออรัญประเทศ ผู้รับผิดชอบศูนย์ดำรงธรรมอำเภออรัญประเทศเพื่อขอความเป็นธรรม กรณีตนเองได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ว่าถูกแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหดคุกคาม เนื่องจากช่วยกู้เงิน 1.4 ล้านและจ่ายดอกหลายล้านแทน 2 ผัวเมีย ทหารเรือ สังกัดฐานทัพเรือแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก อ้างเอาไปซื้อตำแหน่ง แต่เงินต้นยังอยู่เท่าเดิม ถูกเจ้าหนี้คุกคามหลายช่องทาง ทำให้ลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน จึงเข้าแจ้งร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก ศูนย์ดำรงธรรมอำเภออรัญประเทศ หลังคดีความไม่มีความคืบหน้า


น.ส.เจนจิรา แม่ค้าเสื้อผ้าออนไลน์ ระบุว่า เนื่องจากทหารเรือกับภรรยาหลอกให้ยืมเงิน ให้เริ่มจากน้อยจนไปหลักแสน พอถึง 9 แสน ก็เริ่มไม่มีจ่าย เอาต้นเพิ่มเพื่อจ่ายดอก จนไปถึง 1.4 ล้านบาท โดยอ้างว่า จะเอาเงินไปรักษาแม่ที่ป่วย แต่จริง ๆ แล้ว เขาสารภาพว่า จะเอาไปซื้อตำแหน่ง แต่โดนโกงอีกที เลยไม่ใช้เงินคืน จนเธอต้องมารับภาระหนี้แทน แม้ในช่วงที่ตั้งครรภ์ เธอก็ต้องหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยรายวัน จนผ่านมาอีกปี ทำงานใช้หนี้แทนอย่างหนัก ไม่รู้ว่าท้องลูกอีกคน จนเธอต้องแท้งลูก ตกเลือด และเป็นแพนิก จนทำงานไม่ได้ แต่เจ้าหนี้ก็ยังตามทวงไม่หยุด จนอาการเธอทรุดลงเรื่อย ๆ


ซึ่งเจ้าหนี้อ้างว่า ต่อให้โครตพ่อโครตแม่ตำรวจก็ไม่กลัว เธอจ่ายแทนไปแล้ว 1-3 ล้าน แต่ต้นยังอยู่เท่าเดิม ฝากศูนย์ดำรงธรรมอรัญประเทศและสื่อมวลชนพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยด้วย


น.ส.เจนจิรา ระบุอีกว่า ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.ทาตะสิงห์ ดีประเสริฐสิทธิ์ สว. (สอบสวน) สภ.อรัญประเทศ พนักงานสอบสวนเวร ว่าเมื่อประมาณปี พ.ศ.2563 ผู้แจ้ง ได้รู้จักกับ น.ส.ปัญจรัตน์ และนายวีระยุทธ ในฐานะคู่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์ และได้มีการซื้อขายสินค้ากันตลอดมา รวมถึงได้พูดคุยปัญหาชีวิตและเรื่องส่วนตัวให้แก่กันฟังเสมอ


อีกทั้ง น.ส.ปัญจรัตน์ และนายวีระยุทธ ยังเคยเดินทางมาที่บ้านของผู้แจ้ง เพื่อเลือกซื้อสินค้าและพูดคุยกันเสมอ ต่อมา เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2564 น.ส.ปัญจรัตน์ ได้ติดต่อมาหาผู้แจ้ง เพื่อขอยืมเงินจากผู้แจ้ง แต่ผู้แจ้งบอกไม่มีให้ น.ส.ปัญจรัตน์ จึงขอให้ผู้แจ้งหากู้เงินนอกระบบให้ ผู้แจ้งจึงได้ทำการกู้เงินนอกระบบในนามผู้แจ้งเอง และนำไปให้ น.ส.ปัญจรัตน์ ด้วยการโอนผ่านบัญชีธนาคาร


โดย น.ส.ปัญจรัตน์ อ้างว่า จะนำเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับมารดา ซึ่งป่วยอยู่ หลังจากนั้นยังได้มีการขอให้ผู้แจ้งกู้เงินอีกจำนวนหลายครั้ง รวมแล้ว น.ส.ปัญจรัตน์ ได้เงินไปทั้งหมด 1,400,000 บาท ซึ่งช่วงแรก ๆ น.ส.ปัญจรัตน์ ได้จ่ายดอกเบี้ยอยู่เรื่อยมา จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.65 ผู้แจ้งได้คลอดบุตรและพักรักษาตัว น.ส.ปัญจรัตน์ฯ ก็หยุดจ่ายดอกเบี้ย นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นตันมา ทำให้ผู้แจ้งจำต้องใช้หนี้ดอกเบี้ยแทน น.ส.ปัญจรัตน์ จนถึงปัจจุบัน รวมยอดดอกเบี้ยที่ น.ส.ปัญจรัตน์ฯ จ่ายทั้งหมดเป็นเงิน 407,700 บาท แต่เงินต้นก็ยังคงเหลือยอดเท่าเดิม เป็นเหตุให้ผู้แจ้งหมดหนทางในการใช้นี้แทน น.ส.ปัญจรัตน์ และนายวีระยุทธ จึงต้องไปกู้เงินนอกระบบมาเพิ่มเติม เกิดความเครียดจนทำให้แท้งลูกตกเลือด และมีความเครียดจนเป็นโรคแพลนนิค เพื่อจ่ายดอกเบี้ยให้กับเจ้าหนี้รายนี้อีกจำนวนมาก


ต่อมา วันที่ 20 ต.ค.64 เวลาประมาณ 15.30 น. ผู้แจ้งพร้อมด้วย น.ส.ขวัญชนก วาณิชวิวัฒน์ พี่สาวของผู้แจ้ง เดินทางไปพบ น.ส.ปัญจรัตน์ และนายวีระยุทธ ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อทวงถามเรื่องเงินดังกล่าว จึงทราบข้อเท็จจริงจากปากของ น.ส.ปัญจรัตน์ และนายวีระยุทธ ว่า เงินที่ได้กู้ไปทั้งหมด ได้ถูกนำไปวิ่งเต้นเพื่อตำแหน่งในหน้าที่การงานของนายวีระยุทธ มิได้นำไปเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาล แก่มารดาแต่อย่างใด


น.ส.เจนจิรา ระบุด้วยว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 ผู้แจ้งได้เดินทางไปร้องเรียนที่หน่วยงานของนายวีระยุทธฯ ที่ กองโรงงาน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับเงินจำนวน 1,400,000 บาท และแจ้งรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้บังคับบัญชาของนายวีระยุทธฯ ทราบแล้ว แต่ก็มิได้มีความคืบหน้าแต่อย่างใด จนกระทั่งวันที่ 18 มี.ค.65 ที่ผ่านมา ผู้แจ้งถูกเจ้าหนี้คุกคามหลายช่องทาง ทำให้ลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน จึงได้รวบรวมข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น พร้อมพยานหลักฐานทั้งหมด เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ น.ส.ปัญจรัตน์ และนายวีระยุทธ ที่ได้ฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงในข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้เงินจำนวน 1,400,000 บาท จากผู้แจ้งไป โดยเหตุเกิดที่บ้านในม.4 ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.64 เวลาประมาณ 18.00 น.


ซึ่ง พ.ต.ท.ทาตะสิงห์ ดีประเสริฐสิทธิ์ สว. (สอบสวน) สภ.อรัญประเทศ พนักงานสอบสวนเวร ได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว จึงได้ดำเนินการสอบสวนในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป


น.ส.เจนจิรา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมาต้องจ่ายหนี้ให้ เงิน 1 แสน ต้องจ่ายดอกเบี้ย 2,000 บาทต่อวัน ทำให้เขาต้องเอาเงินเพิ่มไปเรื่อย ๆ เพื่อมาจ่ายดอกเบี้ย จนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงล้านบาท จึงต้องไปหาดอกร้อยละ 20 มาปิดไปได้ 5 แสน สรุปเบ็ดเสร็จเขาเอาเงินไป 1.4 ล้าน ทำให้เหลือเงิน 9 แสน จึงต้องหาเงินส่งดอกเบี้ยวันละ 18,000 บาท ส่วนดอกร้อยละ 20 อีกเดือนละ 1 แสนบาทนั่นแค่เริ่มต้น ตอนนั้นท้องอยู่ด้วย พอหนูไปคลอดลูกเค้าก็ไม่จ่ายเลย คลอดลูกออกจากโรงบาลมา ต้องมายืนยิ้มหน้ากล้องไลฟ์สดขายของเพื่อหาเงินจ่ายให้มัน จนแทบมันไม่ไหวแล้ว ซึ่งตัวผู้หญิงขายเสื้อผ้าแบบเดียวกับหนู แต่ตัวแฟนเป็นทหารที่มาที่บ้านด้วยกัน


พอเราเริ่มแย่ บางวันหาได้แค่ 1 หมื่น บางวันได้แค่ 8 พัน ก็ไม่พอจ่าย ก็จะจดเป็นค้างไว้จนหนูไม่ไหว จนต้องไปนัดเจอกันที่ป้ายฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นทหาร ซึ่งช่วงประมาณเดือน ต.ค.เค้าก็สารภาพว่า ที่หนีหายไปเพราะว่าเอาเงินทั้งหมดไปซื้อตำแหน่ง อ้างว่าโดนเขาโกงไปอีกที ตำแหน่งก็เลยไม่ได้ เลยกู้สหกรณ์ไม่ได้ จึงคืนไม่ได้ ที่ผ่อนไปทั้งหมดก็โดนโกงไปเลยไม่มี


วันนี้เราจึงเป็นหนี้แทนเค้าและกลายเป็นระหว่างทางเราจ่ายดอกไปแล้ว 1.7 ล้านกว่า แม้ไม่ใช่เงินเราทั้งหมด แต่ก็ต้องกู้มารวมกลายเป็น 3 ล้าน พอเจอตัวรับปากจะจ่ายคืนวันละ 5,000 จนไม่ได้จ่าย เราจึงมาแจ้งความเพื่อให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายแต่เรื่องไม่คืบหน้าจึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมอำเภออรัญประเทศและสื่อมวลชนช่วยอีกทางหนึ่ง


ด้าน นายปิยะณัฐ ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภออรัญประเทศ ได้เรื่องไว้เป็นหลักฐานเพื่อรายงานให้นายจักรพงษ์ พันธุ์โชติ นายอำเภออรัญประเทศเพื่อทราบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ