แม่โวย พาลูกชายเข้าศูนย์บำบัดยาเสพติด พบถูกซ้อมซี่โครงหัก ศูนย์ปัดความรับผิดชอบ

วันนี้ (25 พ.ค. 66) น.ส.ฮาหวา นางา อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 398 ม.1 ต.บ้านควน อ.เมือง จ.สตูล ได้เข้าร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมอ.เมือง จ.สตูล กรณีลูกชายคือนายนัสรอน อายุ 34 ปี เข้าบำบัดที่ศูนย์บำบัดยาเสพติดในม.2 ต.บ้านควน อ.เมือง จ.สตูล และถูกเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์ดังกล่าวซ้อมจนซี่โครงหัก ต้องพักรักษาตัวที่รพ.สตูล จึงขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย


โดยมีนายสิทธิวุฒิ และนายประกิต ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ได้รับหนังสือดังกล่าวและเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนข้อเท็จจริงพร้อมเยียวยาผู้บาดเจ็บ


น.ส.ฮาหวา กล่าวว่านายนัสรอน เป็นผู้ป่วยที่เคยบำบัดยาเสพติดที่เกาะแลหนัง อ.เทพา จ.สงขลา 2 ปี 4 เดือน ซึ่งนายนัสรอน นอกจากเป็นผู้ป่วยบำบัดยาเสพติดแล้วยังเป็นผู้ป่วยจิตเวชด้วย


โดยเมื่อวันที่26 เม.ย.66 ตนได้นำนายนัสรอน กลับบ้านและนำมาไว้ที่ศูนย์บำบัดยาเสพติด ต่อมาตนได้นำสิ่งของไปให้ลูกชายที่ศูนย์ฯ พบว่ามีผู้บำบัดถูกซ้อมประกอบกับตนขอให้ทางศูนย์ส่งภาพเด็กในศูนย์บำบัดมาให้ดู และมีภาพเท้าถูกล่ามโซ่


ตนจำได้ว่าเป็นเท้าของลูกจึงไม่สบายใจ และไปรับลูกกลับบ้านเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 66 สภาพลูกชายบริเวณต้นขาทั้ง 2 ข้างมีรอยถูกฟาดด้วยหวาย ตกกลางคืนลูกชายบ่นเจ็บหลังให้ตนออกไปซื้อยามาให้กิน และวันที่22 พ.ค.66 ตนไปปรึกษาหมอจิตเวชที่รพ.สตูล เพื่อหาวิธีนำลูกชายมาหาหมอ เพราะลูกชายจะกลัวหมอไม่ยอมไปรพ.


หมอจึงให้ยานอนหลับมาหยอดเพื่อนำตัวไปรพ.เพื่อพบแพทย์ และตนก็ได้ปรึกษากับทางอบต.บ้านควนเพื่อนำรถมารับลูกชายไปหาหมอ โดยนำตัวมาส่งหมอในวันที่ 23 พ.ค. 66 เมื่อมาถึงนายนัสรอน ได้คุยกับหมอ และเขาบอกหมอว่าถูกทำร้าย หมอจึงให้นำไปเอกซเรย์พบว่าซี่โครงหัก จึงต้องรักษาตัวอยู่ที่รพ.สตูล


เมื่อทราบว่าลูกถูกซ้อมตนก็ติดต่อไปที่ศูนย์ฯ ปรากฏว่าไม่มีใครรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ้างว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ บ้างบอกว่าผู้บำบัดทะเลาะกันเอง ผู้บำบัดจะทำร้าย เขาต้องป้องกันตัว หรือบอกว่ามอบเด็กให้เขาดูแลแล้วเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะทำอะไรก็ได้


ตนจึงคิดว่าลูกของตนไม่ได้รับความเป็นธรรม หากมีการซ้อมกันจริงก็เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ไม่อยากให้เด็กหรือผู้บำบัดคนอื่นถูกกระทำแบบลูกของตน ซึ่งที่ศูนย์ฯดังกล่าวเป็นศูนย์บำบัดของเอกชน ที่ต้องจ่ายเงินแรกเข้า 5,500 บาทและจ่ายรายเดือนอีกเดือนละ 3,500 บาท หากลูกของตนอาละวาดจริงก็น่าจะมีวิธีจัดการที่ไม่ใช่การซ้อมจนซี่โครงหัก


อีกทั้งลูกของตนนั้นต้องกินยาจิตเวชวันละ 2 ครั้งคือเช้า-เย็น ตนเคยถามเจ้าหน้าที่ศูนย์ว่าทำไมไม่ให้กินยาเช้า เพราะเห็นยาเช้าแทบจะไม่ได้กิน เจ้าหน้าที่บอกว่ากินยาจนเต็มพุงแล้วให้กินเฉพาะเย็นอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งอย่างน้อยทางศูนย์ต้องรับผิดชอบ เยียวยาและช่วยเหลือในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลบ้าง


ด้านนายสิทธิวุฒิ ทรงสวัสดิ์ ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคงกล่าวว่า หลังรับเรื่องจะเชิญผู้เกี่ยวข้อง ทั้งผู้บริหารศูนย์บำบัด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มาเจรจาไกล่เกลี่ยในกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตามสำหรับศูนย์บำบัดดังกล่าวนั้นทราบว่าเป็นศูนย์บำบัดของเอกชน ที่มีผู้เข้าบำบัดกว่า 100 คน