ตำรวจพาคนร้ายฆ่าโหดเซลสาวชี้จุดที่ก่อเหตุลงมือทำร้าย พร้อมสารภาพขั้นตอนทำร้าย

ตำรวจนำตัวฆาตกรไปชี้จุดโรงแรมแห่งแรกที่นำน้องอุ้มเซลขายรถสาวไปล่วงละเมิดและทำร้าย โดยนายณัฐพล ผู้ต้องหา ให้การว่าผู้เสียหาย ขัดขืนจึงใช้ค้อนทุบ ก่อนใช้เชือกรัดคอ อ้างน้องอุ้มยังหายใจก่อนจะอุ้มยัดท้ายกระโปรงรถเก๋งจากโรงแรมในอำเภอสันทรายไปไว้ในห้องน้ำม่านรูดอีกแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมือง ห่างกันประมาณ 5 กิโลเมตร

ตำรวจสอบสวนนายณัฐพลผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การในห้องที่เกิดเหตุว่าหลังจากที่นำตัวน้องอ้อมมาถึงห้องพักแล้วก็ได้ใช้สายเคเบิ้ลไทน์รัดมือและรัดข้อเท้าไว้ และใช้ผ้ายัดปาก ก่อนจะลงมือล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อตนล่วงละเมิดเรียบร้อยแล้วจึงได้ตัดสายเคเบิลไทด์ออกเพื่อให้น้องอ้อมพ้นจากพันธนาการ แต่น้องอ้อมพยามต่อสู้ถีบต้นและพยายามนำมีดจะแทงต้น แต่ต้นป้องกันตัวถูกที่หน้าผาก

ต่อมาน้องอ้อมดิ้นเพื่อจะหนีเสียงดังเอะอ๊ะโวยวายตนจึงบอกไปว่าเรื่องง่ายๆอย่าทำเป็นเรื่องยาก แต่น้องอ้อมไม่ฟังและพยายามดิ้นจะหนีและเสียงดังเอะอะตลอดเวลา ตนจึงบันดาลโทสะใช้ค้อนทุบไปที่ท้ายทอยก่อนจะใช้เชือกรัดคอและใช้ผ้าเสื้อเหลืองยัดปากทิ้งน้องไว้ในห้องก่อนจะออกไปส่งของและกลับมายังห้องพักเห็นน้องอ้อมนอนหายใจรวยระรินอยู่ คิดว่าไม่ตายตอนแรกอ้างว่าจะนำตัวน้องอ้อมนั้นไปนั่งเบาะหน้าข้างคนขับแต่เข้าไม่ได้จึงเปลี่ยนใจนำน้องอ้อมยัดท้ายกระโปรงรถเก๋งแล้วนำน้องอ้อมไปทิ้งไว้ในห้องน้ำม่านรูดในตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมือง ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ คำให้การของนายณัฐพล ผู้ต้องหาเพราะจากสภาพศพของน้องอ้อมที่พบในห้องน้ำม่านรูดในเขตพื้นที่ สภ.แม่ปิงนั้นข้อเท้าถูกมัดด้วยสายเคเบิ้ลไทด์ บริเวณข้อแขนทั้งสองข้างก็มีสายเคเบิ้ลไทด์ติดกับข้อมือแต่ถูกตัดทิ้งแล้ว ส่วนบริเวณปากของน้องอ้อมนั้นถูกยัดด้วยผ้าสีเหลืองซึ่งตรงกับผ้าในรถยนต์ตู้กระบะทึบของผู้ต้องหาด้วย ลำคอก็มีรอยถูกเชือกรัดคอด้วยอย่างไรก็ตามตำวรจเชื่อว่าหลักฐานที่มีทั้งหมดทั้งวรจรปิด พยานบุคคล และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นสามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้อย่างแน่นอน