สังคม

สามีโวยหมอ ทำคลอดภรรยาท้องเสียชีวิต แม่โอด ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่าคลอดเด็กมีโอกาสดับ

โดย paranee_s

26 เม.ย. 2566

4.6K views

วันที่ 26 เมษายน 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความ “นิทานชีวิต Ep.1 สวัสดีครับผมและแฟนกำลังสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและสมบูรณ์โดยแฟนผมตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ลูกชายคนแรกของเราอยู่ซึ่งจะคลอดในเดือนเมษายนนี้ และแล้ววันที่เรารอคอยก็ใกล้จะมาถึงแฟนผมมีอาการน้ำคร่ำเดินผสมกับมูกเลือดจึงได้รีบไปโรงพยาบาลแฟนผม (ฝากท้องพิเศษ) นะครับหมอได้ทำการตรวจและให้ยาระงับการคลอดพร้อมกับให้ยากระตุ้นหัวใจเด็กในท้องและได้นอนโรงพยาบาล 4 วันซึ่งแฟนผมได้เข้าไปนอนในห้องรอคลอดเขาไม่ให้ญาติเฝ้าและไม่ให้ใช้โทรศัพท์ตอนที่นอนอยู่ในห้องรอคลอด ผมจะเจอแฟนผมก็ต่อเมื่อแฟนผมออกมากินข้าวที่ระเบียง


ระหว่างที่นอนโรงพยาบาลแฟนผมก็อาการปกติดีมีบ่นท้องแข็งบ้างอึดอัดบ้างมือสั่นบ้างผลจากการให้ยาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ จนวันเสาร์ที่ 22 เมษายน 2566 (ครบกำหนดผ่าคลอดพอดี) ช่วงเวลาประมาณเที่ยงใกล้บ่ายโมง เจ้าหน้าที่ก็ได้เข็นแฟนผมออกมาจากห้องรอคลอดไปห้องผ่าตัดไวมากๆ (ตอนนั้นผมสังเกตว่าทำไมแฟนผมนอนนิ่งไปเหมือนนอนหลับไม่มีสติ)


ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเข้าใจว่าวางยาสลบก่อนไปผ่าคลอดก็เดินตามไปรอที่หน้าห้องผ่าตัดหลังจากนั้นประมาณ 30-40 นาที เจ้าหน้าที่ก็เข็นเด็กออกมาจากห้องผ่าตัดก่อน และก็มีทีมแพทย์วิ่งเข้าห้องผ่าตัดไปอย่างไว #จู่ๆ เหตุการณ์ที่ผมไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หมอออกมาแจ้งผมว่า "คนไข้หยุดหายใจ" หมอได้ทำการปั๊มหัวใจ 4 ครั้งแล้วและ ได้พาแฟนผมไปห้อง icu บ่าย 2 โมงเกือบบ่าย3โมง #หมอบอกให้ทำใจรอแล้วคนไข้สมองตายความดันต่ำมากแล้ว ผมรีบโทรบอกญาติ และทุกคนก็มารอฟังสาเหตุการตายของแฟนผมที่หน้าห้อง icu


และหมอที่ผ่าคลอดก็ออกมาแจ้ง สาเหตุการตายครั้งที่1.ว่าคนไข้เกิด*ภาวะน้ำคร่ำอุดตันเส้นเลือด*ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในการผ่าคลอด #คนไข้มีอาการเกร็งตาค้างขึ้นตอนที่หมอกำลังลงมีดเปิดมดลูกหมอลงมีดไปได้แค่นิดเดียวเลือดออกได้ไม่เยอะ #ไม่ถึงแก้วน้ำที่เรากินด้วยซ้ำจึงไม่น่าใช่ภาวะการตกเลือด เนื่องจากคนไข้มีภาวะรกเกาะต่ำอยู่แล้วจึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแบบนี้สูงกว่าคนอื่นๆ .. การผ่าคลอดทุกคนมีความเสี่ยงหมดขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละคน (คำอธิบายของหมอที่ผมฟังและจับใจความสำคัญมา) ต่อ Ep.2”


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นาย วิโรจน์ อายุ 33ปี สามีผู้เสียชีวิต ซึ่งอยู่บ้านในหมู่ 3 ตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์


โดยสามีผู้ตายได้เผยว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ตนเองได้พา นางสางรุ่งเพชร อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นภรรยา ไปทำคลอดที่โรงพยาบาล แต่ภรรยาเกิดเสียชีวิตหลังทำคลอด ขณะที่ลูกชายปลอดภัยดี


ซึ่งตนจึงได้นำร่างภรรยา กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศล ที่บ้านในหมู่ 3 ตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นบ้านแม่ผู้ตาย โดยบรรยากาศของงานศพก็เป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจของญาติ และเพื่อนบ้าน โดยทางญาติกำหนดพิธีฌาปนกิจศพ ที่สำนักสงฆ์ตำบลช้างตะลุด ในวันพรุ่งนี้


จากการสอบถามนาย วิโรจน์ เผย เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ตนเองได้พาภรรยา เข้าห้องน้ำ แล้วมีนำใส ๆ เป็นเมือก มีเลือดปน ตนเองจึงโทรหาหมอที่รับฝากท้อง โดยทางหมอบอกที่รับฝากครรภ์ บอกให้รีบพาภรรยา ไปที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงหมอก็ไม่ระบุอะไร บอกให้นอนต่อ และได้เสียชีวิต


โดยหมอระบุ เกิดจากน้ำคร่ำอุดตันในเส้นเลือด มีอาการสมองตายด้วย ที่ข้องใจเพราะวันแรก ที่ไปหาหมอ แล้วมีน้ำคร่ำอุดตัน แต่หมอบอกเป็นน้ำคร่ำเก่า ตนเองติดใจสาเหตุการตายของภรรยามาก คือตอนเช้าอาการแฟนยังดี ๆ พูดคุยกันดี ๆ อยู่เลย ตนเอง และ ภรรยาเพิ่งจะมีลูกคนแรก แต่เคยแท้งมา เคยฝากท้องกับหมอคนเดียวกันนี่แหละ


อยากให้หมอออกมาไขข้อเท็จจริงว่าภรรยาตนเองเป็นอะไรถึงเสียชีวิต กันแน่ คืออยากให้อธิบายให้ตนเองเข้าใจหน่อย เพราะที่ผ่านมามันเป็นภาษาทางการแพทย์ ตั้งแต่ที่ผ่านออกจากห้องคลอด ภรรยาเหมือนจะช็อก แต่หมอบอกสติภรรยายังดีอยู่


ด้าน นางพรทิพา อายุ 46 ปี แม่ผู้ตาย กล่าวว่า ลูกสาวไม่มีโรคประจำตัว ลูกสาวไปหาหมอตามที่หมอนัด วันที่ 18 ไปทำคลอด ตอนรอคลอดลูกสาวอยู่ในห้องพักโดยตนเองไม่สามารถเยี่ยมได้ หมอบอก ลูกสาวมีโรคประจำตัว อาจทำให้เสียชีวิตได้ในขณะทำคลอด คือ 50-50 เปอร์เซ็นต์ ทำไมไม่แจ้งก่อนหน้านั้น ตนเองจะได้พาลูกย้ายโรงพยาบาล


ตนเองติดใจสาเหตุการเสียชีวิต อยากให้หมอมารับผิดชอบ เพราะลูกสาวทำงานเป็นครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เหมือนเป็นเสาหลักในครอบครัว อยากให้หมอ ออกมารับผิดชอบ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ