"บิ๊กโจ๊ก" เผย มีผู้เสียชีวิตโยงถูก "แอม" วางยาไซยาไนด์แล้ว 11 ศพ

จากกรณีที่มีผู้เสียชีวิตอันต้องสงสัยว่า เกิดจากการถูกวางยาไซยาไนด์ โดย นางแอม จนถึงขณะนี้พบว่า มีผู้เสียชีวิต 11 คน แล้ว ส่วนผู้รอดชีวิต 1 คน เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนแล้ว ขณะเดียวกัน มีครอบครัวผู้เสียชีวิตในชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เมื่อสิงหาคม ปี 2565 เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนด้วย


ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นสามีของนางจันทร์รัตน์ ที่เสียชีวิตไปเมื่อเดือนสิงหาคม ปี2565 เข้าให้ข้อมูลกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะเป็นผู้ดูแลคดีนี้


โดยผู้เสียหายเล่าว่า ทั้งภรรยาและตัวเองรู้จักนางแอม ผ่านเพื่อนซึ่งเป็นตัวแทนประกันชีวิต ที่ราชบุรี ซึ่งนางแอม ถือว่าเป็น เพื่อนสนิทในกลุ่มของภรรยา


ในวันเกิดเหตุ นางแอม โทรศัพท์ ชวนภรรยาให้ออกไปเจอในช่วงเช้า ออกไปไม่นานก็กลับเข้าบ้านพร้อมอาการไม่ค่อยดีจึงเข้าไปนอนพัก


ส่วนตัวเองออกไปทำงานและกลับเข้ามาทานมื้อเที่ยงที่บ้าน ก็พบว่า ภรรยาหมดสติในลักษณะคว่ำหน้า ตัวเขียว จึงโทร 1669 เมื่อชุดกู้ชีพมาถึง ก็พยายามช่วยเหลือและนำตัวส่ง รพ. แต่ไม่เป็นผล และเสียชีวิต ด้วยสาเหตุ ระบบโลหิตล้มเหลว ซึ่งตัวเองและครอบครัว คิดว่า เป็นปัญหาสุขภาพ จึงไม่ได้ติดใจ ไม่ได้แจ้งประสงค์ให้ผ่าชันสูตร


ส่วนความเกี่ยวข้องการเงินกับแอม ผู้เสียหาย ยอมรับว่า ภรรยาได้ร่วมลงทุนปล่อยเงินกู้ โดยให้แอม เป็นผู้ดำเนินการโดยรับผลประโยชน์ผ่านดอกเบี้ย ซึ่งได้โอนร่วมลงทุนไป 70,000 บาท โดยตัวเองเป็นธุระแทนภรรยาโอนเงินแอม แต่จำได้ว่า ไม่ใช่บัญชีส่วนตัวของนางแอม


นอกจากนี้ ตัวเองก็ได้ร่วมลงทุนขายของใน แอปฯโซเชียลแพลตฟอร์มหนึ่งด้วย เป็นเงิน 20,000 บาท ตามที่ตกลงกันไว้ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 จะต้องได้รับส่วนแบ่งดอกเบี้ยจากการปล่อยเงินกู้งวดแรก แต่เมื่อภรรยาได้เสียชีวิตไป ตัวเองจึงทวงแถมส่วนแบ่งกับนางแอม ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้รับเงินโอน 70,000 บาท


ขณะเดียวกันพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เปิดเผยความคืบหน้าในภาพรวมการสืบสวนสอบสวนทุกกรณี ว่า วันนี้ผู้ที่ถูกวางยาแต่รอดชีวิต ได้เดินทางเข้ามาให้ข้อมูลกับคณะทำงานแล้ว อยู่ระหว่างสอบสวนรายละเอียด


ส่วนผู้เสียชีวิต จนถึงขณะนี้ พบว่ามีผู้เสียชีวิตอันต้องสงสัยว่า ถูกนางแอมวางยาไซยาไนด์ 11 คน แล้ว ในจำนวนนี้มีเพียงกรณีของนาวสาวก้อย ที่คดีอยู่ในความดูแลของกองบังคับการปราบปราม


ขณะที่คดีอื่น ๆ ให้ท้องที่ดูแล รับผิดชอบ ในการทำคดี ซึ่งได้กำชับให้ทำงานโดยละเอียดรอบคอบ โดยมีพนักงานสอบสวนจากส่วนกลาง ช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด แต่สำนวนทุกคดี จะเป็นผู้ตรวจทานความสมบูรณ์เรียบร้อยทั้งหมด แต่ไม่ใช่การรวมสำนวนคดี เพราะไม่จำเป็นต้องรวมสำนวนคดีกัน เนื่องจากแต่ละคดีไม่เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่มีผู้ต้องสงสัย คนเดียวกัน เท่านั้น


ในวันศุกร์นี้ ได้นัดหมาย ให้พนักงานสอบสวนทุกคดี เข้ามาประชุม รายงานความคืบหน้าพร้อมกัน ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต


พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุ ถึง ผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความด้วยว่า สามารถแจ้งความได้ แม้จะไม่มีศพผู้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะดำเนินการ รับเลขคดีและทำการสืบสวนสอบสวนให้ตามขั้นตอนเหมือนทุกคดี พร้อมกำชับ ประเด็นการสืบสวนสอบสวน ให้พนักงานสอบสวน ดูประวัติการป่วยของผู้เสียชีวิตทุกคน ตรวจสอบการได้มาซึ่ง ไซยาไนด์ ของแอม สอบสวนพยานผู้เสียหาย ,ผู้ประสบเหตุและพยานแวดล้อม ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่นิติเวช ,พิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ ,ตรวจเก็บวัตถุพยานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกคดี


พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยืนยัน คดีนี้ไม่ตัดจบที่นางแอม ทางการสืบสวนสอบสวน จะอยู่บนการตั้งสมมุติฐาน ว่า มีผู้ให้คำปรึกษาหรือให้การสนับสนุนหรือไม่ ด้านใดบ้าง


ส่วนประเด็นการ ทำงานของพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุกรณีพบ คดีการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ แล้วไม่ส่งชันสูตรศพ ตามกฎหมายกำหนดนั้น


ยอมรับว่า ในทางปฏิบัติทำได้ไม่ทั่วถึง เพราะในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีแพทย์นิติเวช พนักงานสอบสวนจึงยึดความประสงค์ของญาติ ว่า ติดใจหรือไม่ ประสงค์ส่งศพผ่าชันสูตรหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะพบว่า กรณีหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย ครอบครัวผู้สูญเสียมักไม่ติดใจ ไม่ประสงค์ ให้ผ่าชันสูตร


แต่ในอนาคตจะกำชับให้พนักงานสอบสวนทุกพื้นที่ เคร่งครัดในการปฏิบัติในการส่งศพผ่าชันสูตร ทุกกรณีที่พบว่า เป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ