สังคม

คนขับรถเมล์-กระเป๋ารถเมล์ นำพวงมาลัย กราบอาของหญิงวัย 83 ปี ขอขมาขับรถชนเสียชีวิต

โดย nutda_t

24 เม.ย. 2566

1.2K views

ความคืบหน้ากรณีรถเมล์สาย 66 ชน คุณยายวัย 83 ปี บาดเจ็บสาหัส ขณะกำลังข้ามทางม้าลายบริเวณถนนศรีย่าน เพื่อไปซื้อต้มเลือดหมูให้หลานที่ป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา คุณยายเสียชีวิตแล้ว โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (23เม.ย.)



ล่าสุด นายอำพน ศรีนาม อายุ 35 ปี คนขับรถเมล์ และนางสาวชนม์ชนก อุ่นเอม อายุ 30 ปี กระเป๋ารถเมล์ ได้ถือพวงมาลัยคนละพวง มาขอขมา นางธัญพร อายุ 84 ปี อาของผู้เสียชีวิต โดย นางธัญพร ก็ได้พูดปลอบทั้งคู่ว่า “ไม่ถือโทษโกรธใคร และขออโหสิกรรมให้ทั้งคู่ หลังจากนี้ก็ให้กลับไปทำงาน และจงมีสติกับทุกอย่าง”



นายอำพน ยกมือไหว้นางธัญพร ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ก่อนบอกว่า “ขอโทษจริงๆ ยอมรับว่ามองไม่เห็นผู้เสียชีวิต และมองไม่เห็นรถคันอื่น โดยตนขับมาปกติ และเลี้ยวตามสัญญาณไฟเขียว เพราะเป็นรถคันแรกที่เลี้ยว ไม่ได้ขับด้วยความเร็วอย่างแน่นอน ตอนนี้ทุกข์ใจมาก ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งตนได้ช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี และมีกฎระเบียบของต้นสังกัดที่จะช่วยเหลือเยียวยา ส่วนเส้นทางถนนจุดนี้ ตนขับคุ้นทางดี และเพิ่งเปลี่ยนเส้นทางมาใช้เส้นทางนี้ได้ไม่ถึงปี”



ด้าน นางธัญพร ได้พูดปลอบทั้งคู่ว่า ไม่ถือโทษโกรธใคร และขออโหสิกรรมให้ทั้งคู่ หลังจากนี้ก็ให้กลับไปทำงาน และจงมีสติกับทุกอย่าง และไม่ติดใจอะไร ไม่โกรธแค้น เพราะเชื่อว่าเป็นเวรกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ในใจก็ยังทำใจไม่ได้ ใจจะขาด เพราะอยู่ด้วยกันตั้งแต่เล็ก กินข้าวนอนด้วยกันตลอด แต่ ขสมก. ก็ยืนยันว่า จะดูแลตามระเบียบขั้นตอน ซึ่งในส่วนของคดีความ ยังอยากขอดูกล้องวงจรปิด เพื่อความแน่ชัด



ขณะที่ พ.ต.อ.นิพนธ์ นิธิการุณย์เลิศ ผกก.สน.สามเสน เปิดเผยถึงกรณีรถเมล์สาย 66 เฉี่ยวชนทับคุณยายวัย 83 ปี เสียชีวิต บริเวณสี่แยกศรีย่าน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต เมื่อเช้าของวานนี้ว่า เบื้องต้นได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ และรอผลการชันสูตรพลิกศพของคุณยายของโรงพยาบาล พร้อมเตรียมเรียกคนขับรถเมล์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเตรียมจะแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตกับคนขับรถเมล์ ทั้งนี้ จากการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดและสารเสพติดของคนขับรถเมล์ ไม่พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด หรือมีสารเสพติดในร่างกายของคนขับรถเมล์แต่อย่างใด



จากคำให้การของคนขับรถเมล์ ที่กล่าวอ้างว่าขณะเลี้ยวขวาที่แยกศรีย่านเข้าสู่ถนนนครไชยศรีนั้น ไม่เห็นคุณยายข้ามถนนแต่อย่างใด ซึ่งสอดคล้องจากภาพวงจรปิดที่ทางพนักงานสอบสวนสามารถรวบรวมมาได้ แต่สงวนไม่เปิดเผยแก่สื่อมวลชน ซึ่งสามารถลำดับเหตุการณ์ได้ว่า รถเมล์สาย 66 ต้องเลี้ยวขวาเข้าถนนนครไชยศรีที่แยกศรีย่าน เนื่องจากถนนสามเสนถูกปิดการจราจร โดยก่อนหน้าที่คุณยายจะข้ามถนนนั้น มีรถแท็กซี่ขับมาก่อน 1 คันที่เลนสอง จากนั้นคุณยายจึงอาศัยจังหวะช่องว่างก่อนรถเมล์มาเดินข้ามถนน ปรากฏว่าขณะที่คุณยายเดินข้ามเกือบพ้นรถเมล์นั้น รถเมล์กลับเลี้ยวขวาเข้าเลนที่ 2 ตีวงไม่พ้นตัวคุณยาย เฉี่ยวชนคุณยายจากบริเวณด้านข้างขวาของรถเมล์จนคุณยายล้มลงเข้าไปใต้ท้องรถ แล้วล้อหลังขวาของรถเมล์ก็ขับทับคุณยาย



อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนเตรียมส่งรถเมล์คันดังกล่าว ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและบก.จร. ดำเนินการตรวจสอบสภาพของรถเมล์ ซึ่งจากการวิเคราะห์ตามภาพวงจรปิดแล้ว คาดว่ารถเมล์น่าจะใช้ความเร็วเร่งเครื่องตามปกติขณะที่เลี้ยวขวาและเป็นจังหวะไฟเขียว แต่ต้องรอผลการตรวจสอบรถเมล์โดยละเอียดอีกครั้ง  ส่วนคนขับแท็กซี่คันแรกที่ขับผ่านไปกว่าคุณยายได้ข้ามถนนนั้น ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเรียกมาสอบปากคำใด ๆเพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง



ทั้งนี้ทาง ผกก. ยอมรับว่า บริเวณแยกศรีย่านและการจราจรโดยรอบย่านสามเสนนั้น ไม่มีสัญญาณไฟข้ามถนน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณชุมชนที่มีคนสัญจรข้ามถนนไปมาโดยเฉพาะช่วงเช้าและช่วงเย็น ซึ่งหลังจากนี้ได้เตรียมที่จะหารือกับหน่วยงานทางจราจรที่เกี่ยวข้องในเรื่องขอป้ายสัญญาณเตือนข้ามถนนและสัญญาณไฟข้างถนนบริเวณแยกศรีย่านและโดยรอบ อีกทั้งในเรื่องการจัดระเบียบรถและการจราจรในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้อีก



ล่าสุด นายอำพน ศรีนาม อายุ 35 ปี คนขับรถเมล์ และนางสาวชนม์ชนก อุ่นเอม อายุ 30 ปี กระเป๋ารถเมล์ ได้ถือพวงมาลัยคนละพวง มาขอขมา นางธัญพร อายุ 84 ปี อาของผู้เสียชีวิต โดย นางธัญพร ก็ได้พูดปลอบทั้งคู่ว่า “ไม่ถือโทษโกรธใคร และขออโหสิกรรมให้ทั้งคู่ หลังจากนี้ก็ให้กลับไปทำงาน และจงมีสติกับทุกอย่าง”



นายอำพน ยกมือไหว้นางธัญพร ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ก่อนบอกว่า “ขอโทษจริงๆ ยอมรับว่ามองไม่เห็นผู้เสียชีวิต และมองไม่เห็นรถคันอื่น โดยตนขับมาปกติ และเลี้ยวตามสัญญาณไฟเขียว เพราะเป็นรถคันแรกที่เลี้ยว ไม่ได้ขับด้วยความเร็วอย่างแน่นอน ตอนนี้ทุกข์ใจมาก ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งตนได้ช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี และมีกฎระเบียบของต้นสังกัดที่จะช่วยเหลือเยียวยา ส่วนเส้นทางถนนจุดนี้ ตนขับคุ้นทางดี และเพิ่งเปลี่ยนเส้นทางมาใช้เส้นทางนี้ได้ไม่ถึงปี”



ด้าน นางธัญพร ได้พูดปลอบทั้งคู่ว่า ไม่ถือโทษโกรธใคร และขออโหสิกรรมให้ทั้งคู่ หลังจากนี้ก็ให้กลับไปทำงาน และจงมีสติกับทุกอย่าง และไม่ติดใจอะไร ไม่โกรธแค้น เพราะเชื่อว่าเป็นเวรกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ในใจก็ยังทำใจไม่ได้ ใจจะขาด เพราะอยู่ด้วยกันตั้งแต่เล็ก กินข้าวนอนด้วยกันตลอด แต่ ขสมก. ก็ยืนยันว่า จะดูแลตามระเบียบขั้นตอน ซึ่งในส่วนของคดีความ ยังอยากขอดูกล้องวงจรปิด เพื่อความแน่ชัด

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ