รวบเสี่ยกำมะลอสุดแสบ ตีสนิทสาวหลอกให้รัก ก่อนขโมยสินสอดของน้องฝ่ายหญิง

สืบนครบาลรับแจ้งขอความช่วยเหลือจากคู่สามีภรรยาผู้เสียหาย ว่าถูกเสี่ยแป๋ม ต้อม หรือ หนึ่ง และอีกหลายชื่อ ลักทรัพย์สินเงินทองเป็นค่าสินสอด หลังรับแจ้ง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส. บช.น. จัดทีมสืบสวนแกะรอยไล่ล่าคนร้าย



พ.ต.ต.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ , พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส. 2 บก.สส.บช.น . พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการจับกุมตัว นายปิยะศักดิ์ อายุ 45 ปี ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคล หรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ ตามหมายจับศาลอาญา โดยจับกุมได้ที่บริเวณห้องพัก โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านพระประแดง จ.สมุทรปราการ



จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับอีกจำนวน 2 หมายจับ โดยเป็นหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน และหมายจับศาลแขวงชลบุรี ข้อหายักยอก



สืบเนื่องจาก ก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหารายนี้รู้ว่าผู้เสียหายกำลังจะแต่งงาน ได้มีการเตรียมทรัพย์สินเงินทองเป็นค่าสินสอดไว้ จึงได้เข้ามาตีสนิทกับพี่สาวของผู้เสียหาย มีการหลอกลวงให้เชื่อว่าเป็นเจ้าของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง มีฐานะดี และหวังอยู่กินแบบสามีภรรยา กับพี่สาวผู้เสียหาย โดยก่อนวันก่อเหตุ 1 วัน ได้ขอเข้ามาดูห้องของผู้เสียหาย เพราะอ้างว่าจะย้ายมาอยู่กินกับพี่สาวผู้เสียหายที่อพาร์ตเมนต์เดียวกัน



ต่อมาในวันที่เกิดเหตุ ได้เข้ามาขอยืมรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย ที่มีกุญแจคีย์การ์ดเข้าห้องของผู้เสียหาย จากนั้นได้เข้าไปลักทรัพย์สินที่เตรียมไว้เป็นสินสอด ซึ่งเก็บอยู่ในห้องดังกล่าว เป็นทองคำหนัก 14 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 2 องค์ และมีเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นได้หลบหนีไป ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ได้ถูกประกาศแจ้งเตือนในสื่อสังคมออนไลน์จากหลายช่องทางให้ระมัดระวัง เนื่องจากได้ก่อเหตุในลักษณะนี้อยู่หลายครั้ง



โดยเมื่อปี 2563 ผู้ต้องหาได้ไปตีสนิทหลอกผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งเป็นหญิงให้ลงทุนซื้อขายทอง มีการโอนเงินไปยังบัญชีผู้ก่อเหตุ รวมเป็นเงินเกือบ 8ล้านบาท จากนั้นได้หลบหนีไป ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว



สอบปากคำผู้ต้องหา ยังให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าลักทรัพย์สินสอดคู่บ่าวสาวผู้เสียหายมาจริง แต่ได้คืนเป็นบางส่วนแล้ว เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป