เลือกตั้งและการเมือง

'ชูวิทย์' โชว์กรง เตรียมลุยดักหนูทั่วไทย แฉภาคใต้ซื้อเสียงแบบแชร์ลูกโซ่ - 'อนุทิน' เมินโดนเดินสายโจมตี

โดย nattachat_c

20 เม.ย. 2566

184 views

ชูวิทย์กลับ กทม. โชว์กรง เตรียมลุยดักหนูทั่วไทย พร้อมแฉยับพรรคการเมืองซื้อเสียงภาคใต้ระบบแชร์ลูกโซ่ เก็บบัตร ปชช. จ่ายตรงผ่านพร้อมเพย์ แจกแหลกไปแล้ว 5 – 6 หมื่นคน เผยได้คุยกับคนถือป้ายไล่ที่สงขลา รับว่าถูกจ้างมา เด็ก 1 ร้อย ผู้ใหญ่ 3 ร้อย จากนี้ปรับแผนใช้วิธีกองโจร ไม่บอกพิกัดล่วงหน้า สลับไปมาระหว่าง กรุงเทพ – ต่างจังหวัด ย้ำไร้ปัญหาส่วนตัวกับอนุทิน แค่ไม่ชอบนโยบายพรรคที่เป็นหัวหน้า พร้อมรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะอาจเกิดเสียงครหา

อนุทิน เมินใส่ชูวิทย์ เดินสายโจมตี ยันนโยบายภูมิใจไทยหนุนกัญชาทางการแพทย์ไม่ใช่เสรี ส่วนชาวบ้านไล่ชูวิทย์นั้น น่าจะเป็นคนที่เห็นคุณค่าของการใช้กัญชา

ช่วงเช้า วานนี้ (19 เม.ย. 66) ที่สวนสุขภาพสมาคมแต้จิ๋ว เขตสาทร นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขต 2 (ปทุมวัน สาทร ราชเทวี)


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินสายโจมตีนโยบายกัญชา ในพื้นที่ภาคใต้

นายอนุทิน ย้อนถามกลับว่า ต้องหวั่นอะไร เพราะนายชูวิทย์พูดถึงเรื่องทำผิดกฎหมาย ยังก็ไม่มีการพูดว่าไม่เอากัญชา 100% พูดแต่ไม่เอากัญชาเสรี แต่กัญชาทางการแพทย์ยอมรับได้ ถือเป็นการพูดในลักษณะ "ไปไหนมา 3 วา 2 ศอก" เพราะเรื่องทำผิดกฎหมาย คนที่ทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ต้องไปไล่จับ มันต้องทำตามกฎตามระเบียบที่วางไว้


คนที่จะใช้ทางการแพทย์ก็ต้องได้รับอนุญาต โดยเฉพาะน้ำมันกัญชา ตอนนี้เป็นยาหลักขึ้นอยู่ในบัญชียาแห่งชาติ ถ้าเป็นสิ่งไม่ดีจะเป็นยาได้หรือไม่ เราทำในเรื่องของสุขภาพและเศรษฐกิจ ไม่มีอันไหนอนุญาตให้ทำผิดกฎหมาย หรือปล่อยเสรี ซึ่งหากยกเลิกกัญชา ผู้ป่วยที่เขาใช้กัญชารักษาโรคก็จะได้รับผลกระทบ​ 


เมื่อถามว่า การออกมาโจมตีนโยบายกัญชาของคุณชูวิทย์ ถือเป็นการดิสเครดิตพรรคภูมิใจไทยหรือไม่

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้แม้นายชูวิทย์ ไม่โจมตี พรรคการเมืองอื่นก็โจมตีอยู่ดี เช่นในเวทีดีเบตต่างๆ แม้ลงไปในจังหวัดบุรีรัมย์ก็พูดถึง และไล่พรรคภูมิใจไทยออกจากบุรีรัมย์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพรรคภูมิใจไทยหมูไปหรือเปล่า ไม่เคยโจมตีใคร คนอื่นจะพูดอะไร ถ้าได้ประโยชน์พรรคภูมิใจไทยก็ยินดีได้


เมื่อถามว่า เห็นชาวบ้านลงไปไล่นายชูวิทย์ในพื้นที่ภาคใต้ ระหว่างลงพื้นที่ด้วย เป็นแฟนคลับของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่

นายอนุทิน กล่าวว่า เห็นในภาพ น่าจะเป็นคนที่เห็นคุณค่าของการใช้กัญชา

-------------

จากกรณีการรณรงค์ต่อต้านกัญชาเสรีของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหว ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ลงพื้นที่รณรงค์ในพื้นที่ภาคใต้หลายจังหวัด แต่พบบางจังหวัดมีผู้ออกมาต่อต้านไม่เห็นด้วยกับนายชูวิทย์


ล่าสุด นายชูวิทย์เดินทางกลับมากรุงเทพมหานคร และมาเดินรณรงค์ต่อต้านกัญชาเสรีที่ตลาดรวมทรัพย์ ย่านอโศก


โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ ก็มาพร้อมกับโทรโข่งคู่ใจ สติ๊กเกอร์ เข็มกลัด และเสื้อ เตรียมมาแจกประชาชน รวมไปถึงกรงดักหนู ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่นายชูวิทย์นำมาด้วยในวันนี้ พร้อมทั้งกาวดักหนู และยาเบื่อหนู


เมื่อนายชูวิทย์มาถึงก็กางโต๊ะ และพูดคุยกับสื่อมวลชนว่า ไปพื้นที่ภาคใต้มา ก็ได้รับกระแสทั้งต่อต้านกัญชาเสรี และต่อต้านนายชูวิทย์


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเอากรงดักหนูมาทำอะไร

นายชูวิทย์บอกว่า จะเอามาดักหนูสกปรก จับไปราดน้ำร้อนให้ตาย เพราะว่าหนูพวกนี้แพร่โรคอันตราย จากนั้นก็สาธิตวิธีการใช้กรงดักหนู พร้อมทำท่าทีตกใจ


หลังจากนั้น ก็เดินแจกสติ๊กเกอร์และเข็มกลัด ให้กับประชาชนที่มารับประทานอาหารในตลาดรวมทรัพย์ รวมถึงคนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในตลาด


พร้อมถือโทรโข่งเดินปราศรัยถึงโทษของกัญชา แจกสติ๊กเกอร์ไปก็อวยพรพ่อค้าแม่ขายขอให้รวยๆ


ตลอดช่วงที่ลงพื้นที่ มีแต่คนมาขอถ่ายรูปและให้กำลังใจ  และมีคุณป้าเสื้อเขียวคนนึงมาตบบ่า ชมนายชูวิทย์ว่า “ช่วยชาติจริงๆ ติดตามข่าวทุกวัน”


หลังการเดินรณรงค์แจกสติ๊กเกอร์เรียบร้อยแล้ว นายชูวิทย์ก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมกับโทรโข่ง เล่าเรื่องราวที่ลงพื้นที่ภาคใต้ว่า ได้ข้อมูลพรรคการเมืองเริ่มมีซื้อเสียง หัวละ 2,000 บาท  โดยมีหนูตัวผู้และหนูตัวเมียเป็นคนดำเนินการ


จะทำในลักษณะแชร์ลูกโซ่ คือพ่อหนู แม่หนู ผสมพันธ์กัน แล้วได้ลูกหนูเป็นลูกข่าย จากนั้นก็จะทำการรวบรวมสำเนาบัตรประชาชนมา เพื่อให้โอนพร้อมเพย์เข้าเลขบัตรตรง โดยโอนก้อนแรกก่อน 500 บาท ส่วนที่เหลืออีก 1,500 บาท จะโอนหลัง 14 พ.ค.


นักข่าวถาม มีหลักฐานไหม นายชูวิทย์บอก “เดี๋ยวผมเอามาให้”

------------

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังเล่าถึงกรณี ที่มีคนมาถือป้ายไล่ที่ จ.สงขลา เชื่อว่าถูกจ้างมา เพราะถามคนที่มาถือป้าย บอกว่า รับได้ค่าจ้าง 100 บาท สำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ 300 บาท


ซึ่งนายชูวิทย์เชื่อว่า การที่มีคนมาไล่เพราะแจ้งกำหนดการลงพื้นที่ก่อน หลังจากนี้จะใช้ที่วิธีกองโจร ไม่แจ้งล่วงหน้า สลับ กทม.-ตจว. โดยสัปดาห์นี้ เตรียมลงภาคอีสาน


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรฝากถึงคุณอนุทินไหม

นายชูวิทย์ ตอบว่า “ผมไม่มีปัญหาอะไรส่วนตัว แต่มีปัญหากับนโยบายพรรคที่อนุทินเป็นหัวหน้า เพราะเป็นนโยบายสาธารณะ ที่ส่งผลกระทบกับประชาชน “


และถ้าหากมีการชวนกันกินข้าวก็พร้อมเสมอ เพราะไม่มีปัญหากัน ลูกก็เรียนสถาบันเดียวกัน แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะจะเกิดข้อครหาได้


ในระหว่างการลงพื้นที่ของนายชูวิทย์นั้น ทีมข่าวได้พบว่ามีพ่อค้าขายขนมรายหนึ่ง เห็นนายชูวิทย์ก็ยกนิ้วให้ และบอกว่า ขอบคุณที่รณรงค์เรื่องนี้ ผมเกือบตายจากกัญชา ทีมข่าวจึงสอบถาม พ่อค้ารายนี้เล่าให้ฟังว่า ตนเองเคยเสพกัญชาโดยสูบแค่นิดเดียวจากเพื่อน ในช่วงที่ประกาศปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด โดยการสูบนั้นแค่อยากลองว่าเป็นอย่างไร แต่ผลปรากฏว่า พอสูบเข้าไปได้ไม่นาน เกิดอาการใจสั่น เวียนหัว จนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะเสียชีวิต และทรมานมาก


จึงเห็นโทษของกัญชา ซึ่งขนาดตนเองเป็นผู้ใหญ่ยังทรมานขนาดนี้ และหากมีเยาวชนนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิดจะเกิดเหตุอย่างไร อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ และเห็นด้วยกับการที่นายชูวิทย์ออกมารณรงค์ต่อต้านเรื่องกัญชาเสรี เพราะถือว่าเป็นปัญหาสังคม หากปล่อยให้มีกัญชาเสรีแบบนี้ต่อไป

--------------

นอกจากนี้ในระหว่างที่นายชูวิทย์เดินรณรงค์ที่ตลาดรวมทรัพย์ ก็พบว่า มีนักศึกษาชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ประเทศไทยไ ด้เข้ามาทักทาย และให้ข้อมูลกับนายชูวิทย์ว่า ตนเองสนับสนุนกัญชาเสรี เพราะประเทศของตนเองนั้น กัญชายังถือว่าเป็นยาเสพติด


คุณชูวิทย์จึงสอบถามว่า เหตุใดจึงเห็นด้วยกับกัญชาเสรี ทั้งที่ประเทศตนเองมองว่าเป็นยาเสพติด 

นักศึกษาสาวต่างชาติ ให้ข้อมูลว่า เพราะนำมารักษาโรคบางอย่างเกี่ยวกับตนเอง ซึ่งในการกินยาตามแพทย์แผนปัจจุบัน อาจจะมีสารตกค้างในร่างกาย แต่กัญชาเป็นพืชเป็นต้นไม้ หากนำมาใช้รักษาก็จะเป็นผลดีกว่า ไม่ทิ้งสารตกค้าง อีกทั้ง ทำให้เพื่อนชาวต่างชาติอยากมาประเทศไทย เพราะเห็นว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด เป็นกัญชาเสรี


เรื่องนี้นายชูวิทย์จึงอธิบายและสอบถามว่า ได้ปรึกษาแพทย์ในการใช้กัญชาหรือไม่

หญิงสาวนักศึกษาสาวรายนี้ ตอบว่า ไม่ได้ปรึกษาแพทย์ แต่ใช้แล้วรู้สึกว่าอาการป่วยตนเองนั้นดีขึ้น นายชูวิทย์จึงให้คำแนะนำ และบอกกับหญิงสาวรายนี้ว่า ให้ระมัดระวังการใช้ และควรปรึกษาแพทย์


และก่อนแยกกัน นักศึกษาสาวรายนี้ได้บอกกับนายชูวิทย์ว่า อยากให้รณรงค์เรื่องยาบ้ามากกว่า เพราะตอนนี้คนติดยาบ้าก็เยอะเช่นกัน 
-------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/KOgfPn9JjRM

คุณอาจสนใจ

Related News