กัน จอมพลัง ยื่นมือช่วยเหลือ สาวโดนตบกลางร้านข้าวต้ม เข้าร้องกระทรวงยุติธรรม

กัน จอมพลัง ช่วยเหลือสาวพีอาร์ หลังโดนแฟนหนุ่มบุกทำร้ายร่างกายกลางร้านข้าวต้ม เจ็บสาหัส ซ้ำฝั่งแม่แฟนหนุ่มขอไม่ให้เอาเรื่องเพราะเป็นเพียงแค่การทะเลาะกัน



เวลา 10.00น. วันที่ 19 เม.ย.66 ที่กระทรวงยุติธรรม นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เปิดเผยกับ “สื่อมวลชน”ว่า วันนี้ตนและแม่ของน้องหงส์ (ผู้บาดเจ็บ)เดินมาที่กระทรวงยุติธรรมคุณ จากข่าวที่น้องโดนตบกลางร้านข้าวต้ม และตอนพากลับบ้านโดนลากไปกับมอเตอร์ไซค์ ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งหลังจากเกิดเหตุแทนที่จะพาไปโรงพยาบาล แต่กลับถูกทิ้งไว้หน้าบ้านฝ่ายชาย ก่อนที่ทางตำราจจะเรียกรถมูลนิธินำส่งโรงพยาบาล



ขณะนี้ผู้ก่อเหตุได้รับการประกันตัวแล้ว และทางด้านแม่กับเพื่อนกลัว ว่าจะถูกทำร้ายอีก วันนี้เลยมาหาท่านรองอธิบดีเพื่อขอชุดคุ้มครองพยานให้มีความปลอดภัย และคุยเรื่องเงินเยียวยาเบื้องต้น ซึ่งกังวัลว่าจะกลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ และเป็นน้องเป็นเสาหลักครอบครัว แม่และน้อง ไม่รู้จะไปต่อยังไง และตอนนี้ได้ประสานงานกับผู้กำกับพิษณุโลกแล้ว ท่านบอกจะดูแลเต็มที่และนำตู้แดงไปติดให้



"อยากฝากถึงผู้ก่อเหตุ  ท่านเคยทำน้องได้แล้วจบแบบเดิมเพราะน้องให้อภัย วันนี้จะไม่จบแบบเดิม  วันนี้คนที่ต้องหลบหนี ที่ต้องโดนกระทำคือท่าน "



นางกิ่งกาญจน์  อายุ 56 ปี แม่ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า วันเกิดเหตุมีทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้งว่าลูกสาวถูกทำร้ายร่างกายให้รีบไปโรงพยาบาลด่วน พอมาเห็นสภาพลูกสาวก็รับไม่ได้ ยิ่งเห็นวีดีโอที่นอนจมกองเลือดเหมือนหมาตัวนึง

ยิ่งช้ำใจ พอเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ก็รู้ทันที่ว่าเป็นรู้ทันที่ว่าเป็นเเฟนหนุ่มที่ก่อเหตุ เพราะเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ทะเลาะกันบ่อย  แต่ไม่หนักถึงขั้นนี้ ที่ผ่านมาเคยบีบคอ ตบหน้า คิดว่ามันต้องมีครั้งต่อไปเรื่อยๆ ตนเคยเตือนลูกสาวอยู่บ่อยครั้งแต่ลูกสาวให้โอกาสและให้อภัยตลอด



"ตอนนี้ลูกสาวยังอาการหนักอยู่ และจะเข้ารับการผ่าตัดพรุ่งนี้ ส่วนค่ารักษาพยาบาลจะรับผิดชอบยังไง ยังสรุปไม่ได้ต้องรักษาให้ดีที่สุดไปก่อน"



ด้านแม่ของฝ่ายชายได้ติดต่อมาขอให้ยอมความและไม่เอาเรื่อง ตนจึงบอกไปว่า "ลูกแม่แค่ติดคุกแต่ลูกแม่ไม่รู้จะกลับมาเหมือนเดิมไหม" อยากฝากถึงผู้ก่อเหตุว่าอย่าไปทำอย่างนี้กับคนอื่น ลูกเขามีพ่อมีแม่ และยืนยันว่าจะไม่ยอมความและเอาเรื่องให้ถึงที่สุด



นางสาวปอ เพื่อนผู้บาดเจ็บ เปิดใจทั้งน้ำตา วันเกิดเหตุเพื่อนของตนได้ไปทำงานที่ร้านตามปกติ และแฟนหนุ่มได้ไปดื่มในวันเดียวกันนั้นด้วย หลังจากเลิกงานเพื่อนตนได้ไปทานข้าวต่อที่ร้านข้าวต้มกับลูกค้า ก่อนฝ่ายชายตามไปบุกตบถึงร้านข้าวต้มแล้วพากลับ ซึ่งขณะพากลับตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เวลาต่อมามีพลเมืองดีเห็นเหตุการณ์ว่าได้มีการหิ้วปีกลากไปกับถนนระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร พร้อมทั้งมีการต่อว่ามาตลอดทาง กว่าจะถึงหน้าบ้านฝ่ายชายก็มีบาดแผลหลายจุด เสื้อผ้าขาดจากการโดนลากบนถนน และไปทิ้งไว้หน้าบ้านฝ่ายชาย โชคดีมีพลเมืองดีโทรแจ้งตำรวจและได้ประสานงานรถกู้ภัยมารับไปส่งที่โรงพยาบาล และพลเมืองดีได้ขับรถย้อนรอยตามไปดูว่าลากมาตั้งแต่จุดไหนพบว่ามีรอยเลือดลากยาวมาตลอดเส้นทาง



"หลังเกิตเหตุ ฝ่ายชายไม่มีท่าที่สลด ยังมีการทักไลน์ไปหาผู้บาดเจ็บ ว่า เป็นอย่างไรบ้าง คิดถึง ยังอยู่โรงพยาบาลใช่ไหม แต่เพื่อนเราไม่ได้ตอบอะไรไป"



ตนรู้สึกเสียใจมากที่เห็นเพื่อนอยู่ในสภาพนี้ รู้ดีว่าเพื่อนเป็นคนที่ชอบให้อภัยมาตลอดแต่กับแฟนคนนี้ตนไม่รู้จักนิสัยใจคอว่าเป็นคนแบบไหน เพราะเป็นช่วงที่ตนมีปัญหากับเพื่อนจึงไม่ได้ติดต่อกัน



ด้านนายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิเเละเสรีภาพ เป็นตัวแทนรับเรื่อง เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมจะเข้ามาดูแลเรื่องการชดเชยเยียวยาที่น้องถูกทำร้าย มี1.ค่ารักษาพยาบาล 2.ค่าขาดรายได้ 3.ค่าฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้น และหากเป็นพยานกรมคุ้มครองสิทธิจะดูแลความปลอดภัย รับส่ง จนถึงที่สุด