เจ้าของบ้านสุดทน เพื่อนบ้านจอดรถขวางเข้าออกไม่ได้ ซ้ำยังเถียงที่ส่วนรวม

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า “ฝากแจ้งโหนกระแสด้วยครับ จอดรถขวางทางเข้าบ้านจนเข้าไม่ได้ บอกผมจอดได้เป็นที่ส่วนรวม เจ้าของบ้านไม่มีสิทธิ์ ตรรกะป่วย อยากดังทั้งครอบครัวก็จัดให้ครับ”



พร้อมโพสต์คลิปวิดีโอเป็นภาพเจ้าของบ้านหลังหนึ่ง เดินมาที่บริเวณหน้าบ้านของเพื่อนบ้าน และพูดคุยกันเรื่องการจอดรถขว้างหน้าบ้าน ซึ่งเพื่อนบ้านบอก “ในเมื่อเจ้าของบ้านไม่ค่อยได้กลับบ้าน นานๆทีจะมาอยู่บ้าน ดังนั้นตนจะจอดตรงไหนก็ได้ ตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนรวม เจ้าของบ้านไม่มีสิทธิ์มาไล่”



ต่อมา ลูกสาว 2 คนของเพื่อนบ้าน ได้มาเจรจาด้วย โดยบอกว่าถ้าเจ้าของบ้านมาเมื่อไร ก็ให้เดินมาเรียกจะย้ายรถออกให้ ซึ่งเจ้าของบ้านก็ตอบไปว่า ทำไมจะต้องมาเรียก ในเมื่อมันคือพื้นที่หน้าบ้าน มีสิทธิ์ที่จะเข้าออกเมื่อไรก็ได้ ไม่เกี่ยวว่าจะอยู่บ้าน ไม่อยู่บ้าน



ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปบริเวณ ซ.พระยาสุเรนทร์ 35 เพื่อพูดคุยกับเจ้าของบ้าน นายแอนดี้ อายุ 41 ปี เปิดเผยว่า ตนเองทำอสังหาริมทรัพย์ บ้านหลังดังกล่าวเป็นมือสอง ตนเองซื้อมารีโนเวทเพื่อที่จะรอขาย ปกติตนเองจะเข้าไปดูแลความเรียบร้อยของบ้านทุกๆ 2 วัน ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ น้ำไฟยังปกติดีไหม รวมถึงการไปรดน้ำต้นไม้ ซึ่งวันที่ 31 มีนาคม 2566 ตนเองได้เข้าไปรดน้ำต้นไม้ประมาณ 20.00 น. พอไปถึงหน้าบ้าน กลับมีรถยนต์มาจอดขว้างประตูหน้าบ้านอยู่ ทำให้ตนไม่สามารถนำรถเข้าบ้านได้ เนื่องจากรถขว้างทางเข้าออก และยังบดบังป้ายประกาศขายบ้านของตนด้วย ตนจึงเขียนโน๊ตใส่กระดาษ โดยข้อความติดไว้ที่หน้ารถระบุว่า "กรุณาอย่าจอดรถหน้าบ้านผมนะครับ ผมไม่ได้อนุญาต เตือนครั้งที่ 1 วันที่ 31 มีนาคม 2566 จงเคารพสิทธิ์ของคนอื่นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ ขอบคุณครับ" โดยวันนั้นตนไม่สามารถนำรถเข้าบ้านได้



ต่อมาวันที่ 2 เมษายน 2566 ตนเข้าไปรดน้ำต้นไม้ ปรากฏว่ามีกระดาษข้อความเสียบไว้ที่ตู้ไปรษณีย์ ตนจึงหยิบขึ้นมาดู โดยข้อความระบุว่า " ถนนสาธารณะ เตือนครั้งที่ 1 ไปศึกษามาใหม่ (สมอง) แป้ง 39/228 " ตนจึงเดินไปถามตามคลิปดังกล่าว



ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยแจ้งที่ รปภ.แล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ ตนจึงนำคลิปดังกล่าวโพสต์ลงโซเชียล ตนเองไม่อยากมีเรื่องใดๆ แต่อยากให้ทางนิติบุคคล หรือ รปภ. ช่วยเข้ามาดูแล ขอแค่อย่าจอดรถขวางหน้าบ้านของตน ซึ่งตนไม่สามารถเข้าบ้านได้ อยากจะบอกว่า ที่บอกว่าถ้ามาบ้าน ให้มาบอกให้เลื่อนรถ ตนมองว่าตรรกะมันไม่ได้ ตนเองจะออกจากบ้านหรือเข้าบ้าน ก็ไม่ใช่ว่าตนต้องคอยไปบอกเพื่อนบ้าน หากตนเข้าบ้านตอน เที่ยงคืน ตีหนึ่ง จะต้องคอยมาเรียกเพื่อนบ้าน ตนมองว่ามันไม่สมควร



ลูกสาวคู่กรณี ยืนยันพ่อกับแม่ไม่ได้นำรถไปจอดขวางหน้าบ้านตลอดเวลา แต่การเจ้าของบ้านเขียนโน๊ตมาไว้ที่รถว่า "เตือนครั้งที่ 1 จงเคารพในสิทธิ์ของผู้อื่น พื้นฐานความเป็นมนุษย์" ซึ่งตนอ่านแล้วรู้สึกเป็นห่วงน้องสาว อายุ 16 ปี เนื่องจากหากมีครั้งที่ 2 เขาจะเข้ามาทำอะไร เขาจะเข้ามาทำร้ายหรือไม่ แต่ก็ยอมรับที่พ่อเขียนข้อความกลับไป ก็ใช้อารมณ์เหมือนกัน ซึ่งตนก็ต้องขอโทษด้วยที่บอกว่าเป็นที่สาธารณะ ก็ยอมรับผิด ส่วนเรื่องนำคลิปวิดีโอไปโพสต์ลงโซเชียล ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พ่อของตนก็จะดำเนินการแจ้งความคู่กรณีต่อไป