หนุ่มถูกทำร้ายเลือดคั่งในสมองดับ คู่กรณีได้ประกัน บอกต่อยแค่ 2 ที ญาติไม่เชื่อ ขอความยุติธรรม

หนุ่มวิศวะปี 1 ม.ดังพิษณุโลก ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต คนทำผิดประกันตัว อ้าง ผู้ตายไปด่าพี่สาว มีปากเสียง เลยชกหน้าไปสองที ผลชันสูตรมีเลือดออกใต้ผิวหนังอย่างรุนแรง และมีเลือดคลั่งในสมอง พ่อแม่พี่ชายร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกชาย



ผู้ใช้ Tiktok และทวิตเตอร์ โพสต์รูปพร้อมข้อความ ขอความเป็นธรรมให้นักศึกษาชายรายหนึ่ง ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต โดยระบุว่า “เด็ก มน. ถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ข่าวเงียบมากๆ น้องเรียนวิศวะฯคอมฯปี 1 ถูกต่อยเข้าที่ใบหน้า ถูกพาไปบ้านของคู่กรณี โดยที่น้องเมาไม่ได้สติ ถูกต่อยล้มเลือดคั่งในสมองเสียชีวิต คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีเพื่อนน้อง มีแต่คนที่พึ่งรู้จักกับน้อง ช่วยแชร์ให้ข่าวดังหน่อยครับ อย่าให้เรื่องเงียบ”



ส่วนอีกคลิป ระบุว่า “ตอนนี้ฝ่ายคู่กรณี ได้ประกันตัว ทั้งที่เป็นคดีอาญา เราก็ไม่รู้ว่าทำไม เขารับสารภาพกับตำรวจว่าต่อยจริง แล้วงงว่าทำไมเอาตัวไปบ้านฝ่ายคู่กรณี บอกว่าเจตนาพาไปนอนทั้งที่ไม่สนิทเนี่ยนะ”



โดยเรื่องราวดังกล่าวถูกนำไปโพสต์ทวงถามความยุติธรรมหลายต่อหลายโพสต์หลายข้อความ เพื่อไม้ให้การตายของน้องคนดังกล่าว เงียบหายและไม่ได้รับความเป็นธรรม



นอกจากการโพสต์ในโลกโซเชียลแล้ว ครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทั้งพ่อแม่ พี่ชาย และเพื่อนบ้าน ต่างข้องใจกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากไม่เชื่อว่าลูกชายของตนจะไปมีเรื่องกับคนอื่น จึงอยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย และอยากให้คู่กรณีและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ออกมารับผิดชอบโดยเร็ว



ซึ่งยังไม่ปักใจเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะมีผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว เพราะดูจากร่องรอยบาดแผลการถูกทำร้ายที่ใบหน้า และบริเวณหน้าอก และบาดแผลที่เท้า มันย้อนแย้งกับคำให้การที่บอกว่าต่อยเพียง 2 ครั้ง



ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นบ้านของผู้เสียชีวิต และทางครอบครัวได้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพน้องที่บ้านหลังดังกล่าว โดยทางครอบครัวและญาติญาติยังรับไม่ได้กับการเสียชีวิตครั้งนี้



สอบถามนายสุพัฒน์ อายุ 49 ปี และนางบัวตูม อายุ 48 ปี พ่อและแม่ของ ผู้เสียชีวิต อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง



ให้ข้อมูลว่าหลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชาย รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้เดินทางไปรับศพลูกชายมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านใน จ.กำแพงเพชร ในวันที่ 28 มี.ค.66 ที่ผ่านมา โดยจากคำบอกเล่าของเพื่อนที่ไปด้วยกัน เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 27 มี.ค.66 ลูกชายของตนไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลกใกล้กลับมหาวิทยาลัยที่ลูกชายได้ไปเรียน และทราบข่าวว่าลูกชายถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตในช่วงเช้าวันที่ 28 มี.ค.66



โดยแม่ เล่าว่า ตนเองอยากให้ผู้ก่อเหตุออกมารับผิดชอบและพูดความจริงกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งก็ไม่อยากให้ลูกชายของตนเองตายฟรี ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาพ่อกับแม่ของผู้ก่อเหตุก็ได้เข้ามาเยี่ยมศพของลูกชาย ซึ่งตนเองก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นฝีมือการทำร้ายร่างกายของคนๆเดียว พร้อมฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดกับผู้ก่อเหตุ ขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายตนเองกับการเสียชีวิตครั้งนี้ โดยตอนที่ลูกชายของตนเองมีชีวิตอยู่เป็นเด็กดีมาก ซึ่งก็เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ทุกเรื่อง โดยเป็นคนประหยัดอดออมในเรื่องการใช้เงินอย่างมาก



ด้านพี่ชาย เล่าว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องชายตนเองครั้งนี้ ตนอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด ไม่อยากให้เรื่องมันเงียบไป เพราะมีแค่น้องชายคนเดียวจึงอยากทวงความยุติธรรมกับเหตุการณ์ครั้งนี้ มั่นใจว่าน้องของตน ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครอย่างแน่นอนอาจจะมีพูดไม่เข้าหูใครบ้าง แต่ก็ไม่เคยทะเลาะกับใครรุนแรงหรือมีคู่อริที่ไหน



ด้านเพื่อนไม่ขอเปิดเผยชื่อ นามสกุล เล่าว่าผู้ตายไม่เคยมีเรื่องกับกลุ่มดังกล่าวมาก่อน เพราะเพิ่งจะรู้จักกันได้สองสามวันนี้เอง โดยจากที่เขาเล่ากันมา ทราบว่าทางฝั่งผู้ตายได้ไปมีปากเสียงกับผู้หญิงรายหนึ่ง ที่เป็นพี่สาวของผู้ก่อเหตุ โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงนั้น โดยผู้ก่อเหตุได้เข้ามาเคลียร์ จนมีปากเสียงถึงขั้นลงไม้ลงมือกับผู้ตาย ส่วนตนเองมองว่าถึงมีปากเสียงกัน ต่อยกันเพียง 2 ครั้ง ก็ไม่น่าจะทำให้เพื่อนเสียชีวิตได้ โดยที่บอกต่อย 2 ครั้ง เป็นคำให้การของผู้ก่อเหตุเอง