สังคม

เชียงใหม่วิกฤตฝุ่นพิษ ผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล - แพทย์ชี้ PM2.5เสี่ยงถึงมะเร็งคร่าชีวิต

โดย nutda_t

29 มี.ค. 2566

139 views

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบการหายใจ ม.เชียงใหม่ ชี้ชัดมลพิษอากาศฝุ่นควันPM2.5 กระทบสุขภาพประชาชนชัดเจน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปอด ในกลุ่มคนอายุน้อยและไม่สูบบุหรี่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่ในช่วงสถานการณ์ปัญหารุนแรงต่อเนื่องทุกวันนี้ พบคนไข้ป่วยอาการกำเริบเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจนแทบล้นห้องฉุกเฉิน และหอผู้ป่วยเตียงเต็มหมด ชี้ฝุ่นจิ๋วสุดอันตราย สามารถทะลวงผ่านถุงลมเข้าสู่ระบบเลือดไปได้ทุกส่วนของร่างกาย ทำเสี่ยงเส้นเลือดหัวใจและสมองอุดตัน ร้ายแรงถึงขึ้นเสียชีวิต



สถานการณ์ปัญหาฝุ่นควัน ไฟป่า และคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ ยังคงรุนแรงต่อเนื่องนานนับเดือนแล้ว ทั้งนี้ รองศาสตราจารย์นายแพทย์เฉลิม ลิ่วศรีสกุล หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์และอาจารย์ประจำหน่วยวิชาระบบการหายใจ เวชบำบัดวิกฤตและภูมิแพ้ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนอย่างแน่นอน ทั้งผลกระทบในระยะสั้น และผลกระทบในระยะยาว



โดยผลกระทบระยะสั้นนั้น กรณีผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัว หากส่วนใดของร่างกายที่สัมผัสฝุ่น จะเกิดอาการตามมาในเวลาไม่นาน เช่น แสบตา ,แสบจมูก,ระคายคอ,น้ำมูกไหล,เลือดกำเดาไหล และคันตามผิวหนัง เป็นต้น แต่หากเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหืดหอบ,โรคถุงลม,โรคหัวใจ และโรคเส้นเลือดสอง จะอันตรายกว่า และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะอาการอาจกำเริบหนักและถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งในช่วงนี้ที่เกิดสถานการณ์ปัญหามลพิษอากาศพบว่ามีผู้ป่วยกลุ่มนี้ ต้องเข้ารับการรักษาตัวเพิ่มขึ้นมาก



ขณะที่ผลกระทบในระยะยาวนั้น การสูดหายใจรับอากาศที่มีฝุ่นPM2.5 เข้าไปสะสมต่อเนื่อง จะส่งผลทำให้การทำงานของปอดแย่ลง และหากสะสมต่อเนื่องยาวนานเป็น 10 ปี อาจเลวร้ายถึงขั้นทำให้เป็นมะเร็งปอดได้ โดยที่ผ่านมาจะพบเห็นได้ว่ามีผู้ป่วยมะเร็งปอดที่เป็นกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยๆ และไม่ได้สูบบุหรี่ รวมทั้งไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเชื่อได้ว่าปัจจัยสำคัญน่าจะมาจากมลพิษฝุ่นควัน



ทั้งนี้นอกจากผลกระทบต่อระบบหายใจแล้ว สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ฝุ่นPM2.5 ยังมีผลร้ายต่อหัวใจและสมองด้วย เพราะฝุ่น PM2.5 มีองค์ประกอบเป็นฝุ่นขนาดจิ๋ว หรือที่เรียกว่าฝุ่นนาโน ที่สามารถทะลุจากหลอดลมและถุงลมปอด เข้าสู่ระบบไหลเวียนเลือดและไปยังทุกส่วนของร่างกายได้ ซึ่งหากเข้าไปยังเส้นเลือดหัวใจ อาจทำให้เกิดการอุดตันและกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จนเสียชีวิตได้ หรือหากเข้าไปที่เส้นเลือดสมอง อาจทำให้อุดตันเป็นอัมพาต หรือเส้นเลือดสมองแตก และถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน



สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการป้องกันเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นPM2.5 เป็นพิเศษนั้น นอกผู้ป่วยที่มีโรคประจำเรื้อรังแล้ว ได้แก่ เด็ก,ผู้สูงอายุ และคนตั้งครรภ์ โดยในกลุ่มเด็ก มีความเสี่ยงมีผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากปอดยังไม่พัฒนาเต็มที่ หากสูดหายใจอากาศที่มีฝุ่นPM2.5 ปนเปื้อนเข้าไปมากๆ จะส่งผลทำให้ปอดอักเสบและหยุดการพัฒนา



ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุ มีความเสี่ยงเนื่องจากการทำงานของปอดเสื่อมไปตามอายุ ประกอบกับมีโรคประจำตัวต่างๆ เช่น โรคหัวใจ,ไขมัน,ความดัน หรือเบาหวาน เป็นต้น ทำให้เสี่ยงที่อาการจะกำเริบรุนแรง ส่วนคนตั้งครรภ์นั้น พบว่าฝุ่นPM2.5 สามารถเข้าไปได้ถึงรกในครรภ์ ทำให้รกมีเลือดไปเลี้ยงทารกไม่เพียงพอ ทำให้การเจริญเติบโตช้า รวมทั้งมีความเสี่ยงที่จะแท้งหรือคลอดอกมาเสียชีวิต รวมทั้งทารกที่คลอดออกมาจะไม่แข็งแรงตามปกติ ,น้ำหนักน้อย และอาจมีโรคประจำตัวไปตลอด



นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์นายแพทย์เฉลิม เปิดเผยว่า จากสถานการ์ปัญหาฝุ่นควันPM2.5 และมลพิษอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ ในเวลานี้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยในส่วนของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าทุกวันนี้มีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบเข้าตรวจรักษาที่ห้องฉุกเฉินเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถเข้านอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ เนื่องจากหอผู้ป่วยเต็มต่อเนื่อง



อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่าในส่วนของข้อมูลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบภาพรวมของทั้งจังหวัดเป็นเท่าใด ส่วนการป้องกันตัวเองของประชาชนนั้น แนะนำว่าให้หมั่นตรวจสอบคุณภาพอากาศ หากพบว่าค่าฝุ่นPM2.5 เกิน 15 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก หรือดัชนีคุณภาพอากาศ เกิน 35 AQI ตามมาตรฐานสหรัฐอเมริกา กลุ่มเสี่ยงควรเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกอาคาร และปิดประตูหน้าต่างอยู่ในบ้าน หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมใส่หน้ากากที่ป้องกันPM2.5ได้และต้องสวมอย่างถูกวิธีด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ