สังคม

ผบ.ตร. ยัน ตร.ทำตามยุทธวิธี ชี้ 'สารวัตรคลั่ง' ยิงสู้ จำเป็นต้องใช้กระสุนจริง

โดย panwilai_c

16 มี.ค. 2566

56 views

ความคืบหน้ากรณี "สารวัตรสังกัดกองบัญชาการตำรวจสันติบาล" คลุ้มคลั่งยิงปืนในหมู่บ้านย่านสายไหม ซึ่งต่อมาพบว่าถูกยิงอาการสาหัส ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และญาติได้ติดต่อรับศพแล้ว แต่ยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต



ขณะที่ผบ.ตร. ยืนยัน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตามหลักยุทธวิธี และจำเป็นต้องใช้กระสุนจริง เพราะผู้ก่อเหตุไม่ยอมวางอาวุธ เเละมีพฤติกรรมยิงตอบโต้ ส่วนสาเหตุที่คลุ้มคลั่ง น่าจะมาจากสภาวะจิตที่ไม่ปกติ



พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยากต่อการเจรจา ตำรวจพยายามทุกวิถีทางเพื่อระงับเหตุแล้ว แต่ผู้ก่อเหตุไม่มีท่าทีสงบและไม่ยอมวางอาวุธ ชุดปฏิบัติการจึงตัดสินใจเข้าจับกุม ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามแผนกรกฎ



ส่วนสาเหตุที่คลุ้มคลั่ง ผบ.ตร.บอกว่า น่าจะมาจากสภาวะจิตที่ไม่ปกติ เพราะเคยรักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่และปกปิดอาการ และการโยกย้ายมาปฏิบัติงานด้านการข่าวของตำรวจสันติบาล เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ก็เป็นความสมัครใจเอง



ด้านพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับตำรวจ สน.สายไหม ตรวจสอบผลการชันสูตรศพ เพื่อนำผลไปสรุปสำนวนคดี เบื้องต้นพบว่า การตรวจหาสารเสพติดในเลือดผู้ตาย พบสารกลุ่มกัญชาในร่างกาย แต่ต้องรอผลการตรวจอย่างละเอียดอีก 2-3 วัน ซึ่งในการเข้าตรวจสอบเพิ่มเติมในบ้านเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ ยังพบกัญชาอัดแท่งและกัญชาแห้งในกระปุกจำนวนมาก ส่วนที่บริเวณหลังบ้านเจ้าหน้าที่พบต้นกัญชาสด 2 ต้น ปลูกในกระถาง



ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต เพราะ "เสียเลือดมาก" ถูกยิงทั้งหมด 6 จุด และมีกระสุนทะลุปอดทำให้เลือดออกในช่องท้อง แต่ยืนยันว่าชุดปฏิบัติการไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เสียชีวิต



ขณะพี่ชายของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้กำกับในพื้นที่ภาคเหนือ ติดใจสาเหตุการตายว่าเกิดจากการถูกทำร้ายร่างกายหรือไม่ แต่ประเด็นนี้แพทย์ได้อธิบายแล้วว่าเกิดจากการปะทะ



ส่วนร่างของสารวัตร ครอบครัวเดินทางมารับออกจากโรงพยาบาลภูมิพลแล้วเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยจะนำไปตั้งสวดพระอภิธรรม1 คืน แล้วทำพิธีฌาปนกิจในวันรุ่งขึ้น



ส่วนที่บ้านหลังเกิดเหตุ ทีมพฐ. พร้อมชุดอรินทราช 26 เข้าจำลองเหตุการณ์วันปฏิบัติการ เพื่อหาวิถีกระสุนที่ยิงภายในบ้าน และพบอาวุธของผู้ก่อเหตุภายในบ้าน มีเพียงปืนลูกโม่ ขนาดจุด 38 เพียง 1 กระบอกเท่านั้น



ด้านนางสาวทัศนีย์ พุฒแก้ว ประธานชุมชนมั่นคง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีบ้านเรือนในชุมชนที่เสียหายหลายหลัง ส่วนมากจะได้รับผลกระทบจากแก๊สน้ำตา แต่ที่ได้รับผลกระทบหนักจะเป็นในกรอบสีแดงรัศมีโดยรอบบ้านของสารวัตร มีประมาณ 50 หลัง ซึ่งบางหลังพบรอยทะลุจากกระสุนปืน



หลังเกิดเหตุได้รับการประสานงานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะช่วยเข้ามาถอดบทเรียนและสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชน เพราะเหตุการณ์แบบนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชุมชนนี้มาก่อน จากนี้ทางคณะกรรมการชุมชนจะแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเพิ่มมาตรการเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News