สังคม

หญิง แฉ 4 พี่น้องทำร้ายแม่วัย 87 ปี หวังแย่งที่ดินเกือบ 80 ไร่ จนต้องหนีออกจากบ้าน

โดย paranee_s

16 มี.ค. 2566

648 views

วันนี้ (16 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณีมีคลิปเผยแพร่ในโลกโซเชียล โดยเฉพาะในเพจสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นคลิปที่มีการแอบถ่ายจากบ้านหลังหนึ่งใน ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นภาพที่หญิงวัย 87 ปีสั่งปิดล็อกประตูเหล็กไม่ยอมให้ลูกชายและลูกสาว 3-4 คนเขาไปพบ และเปิดฉากด่าทอลูกสาว ลูกชายที่อาละวาดบุกเข้าไปด่าทอ ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและจิตใจแม่เพื่อแย่งสิทธิ์การครอบครองที่ทำกิน ทั้งบ้านและสวนยางที่แม่สร้างมาทั้งหมดไป ซึ่งเหตุเกิดที่ หมู่ 9 ต.บางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา ทำให้แม่หวาดกลัวอย่างหนักว่าหากยังขืนอาศัยอยู่ที่บ้านในหมู่ 9 ต.บางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา จะต้องถูกลูกชาย 3 คน และลูกสาว 1 คนทำร้ายร่างกาย จึงหลบหนีออกจากบ้านมาขออาศัยอยู่กับลูกสาว 2 คนที่บ้านเดิมในหมู่ 6 ต.นาเคียน อ.มือง จ.นครศรีธรรมราช


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางลูกชายและลูกสาว ที่ไม่สามารถเข้าพบแม่ในบ้านได้ ประกาศจะกลับมาหาแม่อีกครั้งและจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง นอกจากนี้จะแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดีกับพี่สาวคนโต และลูกสาวของคุณยายอีกคนของคุณยาย ที่ร่วมหนีตายมาขออาศัย โดยกล่าวหาว่ากักขังหน่วงเหนี่ยวแม่


ต่อมาลูกสาวทั้งสองคนได้ทำหนังสือขอให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการกักขังหน่วงเหนี่ยวคุณยายจริงหรือไม่ จนพบว่าไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวแต่อย่างใด และแม้คุณยายจะอายุมากถึง 87 ปี แต่ยังมีสติสัมปชัญญะ มีความจำเป็นอย่างดี และได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับชีวิตของตัวเอง


โดยระบุว่าลูกชาย 3 คนและลูกสาว 1 คนเป็นคนทรพี อกตัญญู หวังแย่งสิทธิ์การครอบครองที่ทำกิน รวมทั้งบ้านและสวนยางที่แม่สร้างมาทั้งหมดไป ทั้ง ๆ ที่คุณยายเป็นคนซื้อ คนสร้างมาเองทั้งหมดรวมเนื้อที่เกือบ 80 ไร่ และได้ทำพินัยกรรมแบ่งทรัพย์สินให้ลูกทุกคนไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ยกเว้นลูกชาย 1 คนที่มีพฤติกรรมไม่เรียบร้อย ไม่สำนึกในบุญคุณ และไม่เคยเลี้ยงดู ไม่เคยช่วยเหลือทำงานใด ๆ ทำงาน หายไปจากบ้านกว่า 10 ปี จึงไม่มีส่วนแบ่งทรัพย์สินให้กับลูกชายคนดังกล่าว


ในพินัยกรรมดังกล่าวเขียนด้วยลายมือคุณยายเอง โดยมีลูก 4 คนเซ็นรับทราบ ซึ่งคุณยายได้กันบ้านและที่ดินรวม 14 ไร่ ไว้เป็นของตนเองและระบุว่าจะมอบให้กับลูกคนใดคนหนึ่งที่เลี้ยงดูตนเองในบั้นปลายชีวิตจนถึงวันเสียชีวิต


ต่อมาลูกชายที่อยู่พังงาไปมีครอบครัวที่จังหวัดหนึ่งในภาคกลาง เหลือลูกชาย 1 คนลูกสาว 1 คน ที่ยังอาศัยอยู่กับคุณยายใน จ.พังงา โดยคุณยายได้สร้างบ้านให้อยู่อีก 1 หลังใกล้กับบ้านเดิมของตัวเอง เพื่อให้ลูกสาวอยู่อาศัยกับครอบครัว แต่ปรากฏว่าทั้งหมดไม่มีใครสนใจปรนนิบัติเลี้ยงดูคุณยายที่อยู่ในวัยชราเท่าที่ควร แต่ลูกสาวคนโตที่อยู่ จ.นครศรีธรรมราช และลูกสาวคนหนึ่งที่เรียนจบด๊อกเตอร์และรับราชการอยู่กรุงเทพมหานคร มีสามีเป็นตำรวจตำแหน่ง รอง ผกก.แห่งหนึ่งในจังหงัดชายแดนภาคใต้ เป็นผู้ที่คอยส่งเสียดูแลคุณยายเป็นอย่างดี


โดยเฉพาะคนที่จบด๊อกเตอร์และรับราชการเมื่อรู้ว่าไม่มีลูก ๆ คนใดปรนนิบัติดูแลคุณแม่เท่าที่ควร จึงตัดสินใจลาออกจากราชการที่ทำงานมานานกว่า 29 ปีกลับมาอาศัยและดูแลคุณยายที่ จ.พังงา จนคุณยายประกาศว่านอกเหนือจากที่ทำพินัยกรรมแบ่งทรัพย์สินให้ลูก ๆ แล้วจะมอบบ้านและที่ดินของตัวเองที่กันไว้ 14 ไร่ให้กับลูกสาวคนโตที่อยู่นครศรีธรรมราช สร้างความไม่พอใจให้กับลูกชาย 2 คนลูกสาวอีก 1 คนเป็นอย่างมาก


จนในเวลาต่อมาลูกชายคนที่หายไปจากบ้านนานกว่า 10 ปีได้เดินทางกลับมาและสมทบกับลูกชายอีก 2 คน ลูกผู้หญิง 1 คน ทำการด่าทอ ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและจิตใจคุณยายเพื่อแย่งสิทธิ์การครอบครองที่ทำกิน ทั้งบ้านและสวนยางที่แม่สร้างมาทั้งหมดไป จนคุณยายและลูกสาวที่ลาออกจากราชการพร้อมหลาน ๆ ต้องพากันหลบหนีตายมาขออาศัยบ้านลูกสาวคนโตที่ ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช มานานเกือบ 1 ปี


แต่ไม่วายถูกลูกชายและลูกสาวรวม 4 คนพยายามตามมาข่มขู่ กดดัน ทุกวิถีทางทำให้คุณยายได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนัก และหวาดกลัวไม่กล้าพบหน้าลูกทั้ง 4 คน จนกระทั่งล่าสุดคุณยายตัดสินใจออกมาพบเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2566 แต่ให้ลูกสาวคนโตปิดล็อกประตูเหล็กอย่างแน่นหนา เพราะเกรงว่ากลุ่มลูก ๆ จะบุกเข้าไปทำร้ายร่างกาย ก่อนที่คุณเปิดฉากด่าทอลูกอกตัญญูที่คิดจะแย่งทรัพย์สมบัติตัวเอง แต่ไม่สนใจที่จะปรนนิบัติเลี้ยงดู ตามที่ปรากฏในคลิป โดยมีชาวโลกโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นและด่าประณามลูก ๆ อย่างกว้างขวาง


ด๊อกเตอร์ฟา ลูกสาวที่ยอมลาออกจากราชการมาปรนนิบัติเลี้ยงดูแม่ เปิดเผยว่า คุณแม่อายุ อายุ 87 ปี อาชีพเกษตรกร ทำสวนยางพารา อยู่ที่หมู่ 9 ต.บางวัน อ.คุระบุรี จ.พังงา มีลูกทั้งหมด 6 คน ชาย 3 คน หญิง 3 คน ในปัจจุบันคุณแม่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของลูก ๆ รวม 4 คน คือ นายอนันต์ ,นายสมชาย นายประกาศิต และนางวรณี ได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายและจิตใจ เหยียบย่ำหัวใจแม่อย่างหนัก จนแม่และตนต้องหนีตายมาอยู่บ้านนางรัตนา พี่สาวคนโต ที่หมู่ 6 ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 1 ปีเศษ


โดยทั้ง 4 คนต้องการแย่งสิทธิ์การครอบครองที่ทำกิน ทั้งบ้านและสวนยางที่แม่สร้างมาทั้งหมดไปเป็นของลูกชายทั้ง 3 คน ลูกสาว 1 คนและยังอ้างว่าแม่ไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในทรัพย์สินทั้งหมด ทั้งที่คุณแม่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง โดยแม่ตั้งใจได้เก็บไว้บางส่วนเพื่อไว้เลี้ยงดูตัวเองตอนแก่ แต่ลูกทั้ง 4 คนไม่ยอมร่วมกันโต้เถียงว่าแม่ไม่มีสิทธิ์ และได้ร่วมกันบีบบังคับกดดันด้วยวิธีการต่าง ๆ หลายครั้ง ทั้งชวนทะเลาะ กลั่นแกล้ง ข่มขู่ ตัดกล้องวงจรปิด ร่วมกันให้ข้อมูลเท็จต่อคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพังงา (กอจ.พังงา) ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 โดยคุณแม่เคยไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.คุระบุรี จ.พังงา หลายครั้ง

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ