ต่างประเทศ
สหรัฐฯ สั่งปิดธนาคารอีกแห่ง 'ซิกเนเจอร์ แบงก์' ตามรอย 'ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์'
โดย nattachat_c
14 มี.ค. 2566
412 views
สำนักงานกำกับดูแลการธนาคารสหรัฐฯได้ทำการปิดธนาคารซิกเนเจอร์ (Signature Bank) สำนักงานนิวยอร์ก เป็นแห่งที่ 2 ตามรอย ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) อันเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสาม ในประวัติศาสตร์การธนาคารสหรัฐฯ ทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงเงินฝากมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้
การเข้าควบคุมธนาคารซิกเนเจอร์ในครั้งนี้ เป็นผลมาจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น บรรดาลูกค้าของธนาคาร ได้แห่เข้าถอนเงินจากธนาคารซิกเนอเจอร์ รวมกันมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากความวิตกกังวลต่อกรณีของการปิดธนาคารเอสวีบี ส่งผลให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FDIC) เข้าควบคุมสถานการณ์ของธนาคารซิกเนเจอร์ทันที
ทั้งนี้ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา สถาบันการเงินแห่งนี้ มีสินทรัพย์มูลค่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินฝากจำนวน 8.85 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เอสดีไอซี ระบุว่า ผู้ฝากเงินทั้งหมดของธนาคารซิกเนเจอร์ รวมถึงธนาคารซิลิคอนวัลเลย์จะได้รับการคุ้มครอง และผู้จ่ายภาษีสหรัฐฯจะไม่ต้องแบกรับความสูญเสียใดๆ จากเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ จากข้อมูลของเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ธนาคารซิกเนเจอร์มีแหล่งที่มาของเงินฝากในอัตราส่วนราวๆ หนึ่งในสี่ มาจากภาคสกุลเงินดิจิทัล แต่ต่อมาในเดือนธันวาคม ธนาคารได้ประกาศว่า จะลดเงินฝากที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโตลงประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ ทางด้านธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ได้แถลงเข้าซื้อกิจการ ธนาคาร ซิลิคอน วัลเลย์ สาขา สหราชอาณาจักร (เอสวีบี ยูเค) แล้ว ด้วยราคาเข้าซื้ออยู่ที่ราคา 1 ปอนด์ (ราว 42 บาท) เท่านั้นเอง
ซึ่งหลังการเข้าซื้อ เอสวีบี ยูเค จะได้รับเงินทุนสนับสนุนจากเอสเอชบีซี ส่วนสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทแม่ของ เอสวีบี ยูเค จะไม่รวมอยู่ในธุรกรรมนี้
ทั้งนี้ เอสเอชบีซี ระบุว่า 'เอสวีบี ยูเค' มีการปล่อยเงินกู้ประมาณ 5,500 ล้านปอนด์ หรือ 6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีเงินฝากประมาณ 6,700 ล้านปอนด์ ณ วันที่ 10 มีนาคม 2566 ผลประกอบการในปี 2565 มีกำไรก่อนหักภาษี 88 ล้านปอนด์ และคาดว่า ส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านปอนด์