เผยชะตากรรมชุดจับกุมยาเสพติดเครือข่าย 'ทุนมินลัต' ถูกย้ายไม่ทราบสาเหตุ

การจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ของนายทุนมินลัต ถือว่าเป็นผลงานการสอบสวนขยายผลที่ชัดเจน ของตำรวจชุดจับกุมของกองกำกับการ2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพราะสามารถขยายผลจากผู้ค้ารายย่อยขึ้นไปจนพบตัวการที่ใหญ่ขึ้น จนถึงระดับสั่งการ และไม่มีใครคิดว่า คดีนี้ จะมีความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งถึงคนในการเมืองระดับประเทศ ติดตามเบื้องหลังและชะตากรรมชุดจับกุม



เป็นที่ทราบดีว่ายาเสพติดได้ระบาดไปทุกชุมชน จนเกิดคนคลุ้มคลั่งรายวัน การปราบปรามจับกุมผู้ค้ารายย่อย และผู้ลำเลียงยา ไม่ได้ตัดวงจรอย่างตรงจุด เพราะยังไม่ถึงตัวการใหญ่



รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้ให้เอาผิดกับกลุ่มฟอกเงินในคดียาเสพติดอย่างจริงจัง เพื่อตัดวงจร

แต่การทำคดียาเสพติดเมื่อออกหมายจับผู้สั่งการคนกลุ่มนี้ก็จะหนีไปประเทศเพื่อนบ้านทันที และการแกะรอยกลุ่มผู้ค้ารายย่อยไปถึงผู้สั่งการ และขบวนการฟอกเงินก็ต้องใช้เวลานาน ใช้ความคิด ความอดทนเป็นอย่างมาก ทำให้มีตำรวจไม่มากนักที่จะทุ่มเท จนไปถึงขบวนการใหญ่ โดยเฉพาะคดีฟอกเงินของทุนมินลัต เมื่อพบหลักฐานทางข้อมูลเชื่อมโยงการเงิน กับเครือข่ายยาเสพติด 5 เครือข่ายแล้ว คดีแทบหยุดชะงัก แต่ด้วยพยานหลักฐาน ทำให้ตำรวจชุดทำงานไปยื่นขอออกหมายจับ กระทั่งสื่อต่างชาติออกข่าวว่านายทุนมินลัต มีสัมพันธ์เป็นเพื่อนกับผู้นำของประเทศเพื่อนบ้าน



หลังคำให้การของนายทุนมินลัตพบว่า มีสมาชิกวุฒิสภาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยกำไรจากการซื้อขายกระแสไฟฟ้าได้โอนให้ ส.ว.และนายทุนมินลัต จนนำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับในวันที่ 3 ตุลาคม และถอนหมายจับในวันเดียวกัน



และเป็นที่ปรากฏในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายครั้งล่าสุดที่ผ่านมาว่า ตำรวจกองกำกับการ 2 สืบสวนสอบสวนนครบาล ตั้งแต่ผู้กำกับจนถึงสารวัตรชุดที่ทำ ถูกย้ายออกนอกหน่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ



ทั้งที่ เป็นทีมที่มีความถนัด ในการทำคดียาเสพติด และเป็นทีมที่แกะรอยมาอย่างต่อเนื่อง หลายปี จนนำไปสู่การลงโทษผู้ต้องหา ขั้นประหารชีวิต ในการจับกุมการฟอกเงินยาเสพติด ของนายวรวัฒน์ วังศพ่าร์ และพวกรวม 6 คน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา



ผลงานจึงเป็นที่ประจักษ์ได้รับโล่ห์รางวัลมานับครั้งไม่ถ้วน แต่งานหลังสุดถูกตั้งคำถามว่าเหตุใดถูกย้ายออกจากหน่วย โดยที่ไม่มีใครสมัครใจ ขณะที่ปัญหายาเสพติดต้องการตำรวจน้ำดีและมือดี ที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา