สังคม

สุดช้ำ หนุ่มไปทำงานเกาหลี ส่งเงินให้เมียใช้ เมียถูกหวย 12 ล้านไม่บอก แถมแอบแต่งงานใหม่

โดย nut_p

11 มี.ค. 2566

3.4K views

หนุ่มอีสานสุดช้ำไปทำงานเกาหลี ส่งเงินให้เมียใช้ทุกเดือน เมียถูกรางวัลที่ 1 ได้เงิน 12 ล้าน เปลี่ยนเป็นคนละคน บินกลับมาเจอเมียแต่งงานใหม่



เมื่อเวลา 13.00 น . วันที่ 11 มีนาคม 66 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายนรินทร์ หรือเอก หาญคำจันทร์ อายุ 47 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือ หลังแต่งงานอยู่กินกับภรรยานานกว่า 20 ปี จนมีลูกด้วยกัน 3 คนตนเองไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ส่งเงินให้ภรรยาใช้ทุกเดือน หลังภรรยาถูกลอตเตอรี่ รางวัลที่ 1 ได้เงิน 12 ล้านบาท กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นยังแอบหนีไปแต่งงานกับชายคนใหม่ เป็นนายตำรวจควบคุมฝูงชน ทำให้ตนเองเสียใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าเมียรักที่อยู่ด้วยกันมานานกว่า 20 ปีจะทำร้ายจิตใจตนเองได้ถึงขนาดนี้



นายนรินทร์ หรือ เอก เล่าทั้งน้ำตาอีกว่าตนกับภรรยา ชื่อนางสาวฉวีวรรณ หรือ หวี พงษ์วิเศษ อายุ 45 ปี แต่งงานอยู่กินกันมานานกว่า 20 ปี จนมีลูกสาวด้วยกัน 3 คน มีความเป็นอยู่ฐานะยากจน ครอบครัวเป็นหนี้กว่า 2 ล้านบาท ตนกับภรรยาจึงปรึกษากันและตัดสินใจเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีด้วยกันทั้งสองคนในปี 2557 ต่อมาตนได้ทราบข่าวจากทางคุณพ่อว่า แม่ของตนเสียชีวิตลง ตนกับภรรยาจึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดี สุดท้ายภรรยาบอกว่าถ้าเรากลับทั้งสองคน ก็ยังใช้หนี้ที่เหลือไม่หมด ให้ตนตัดสินใจให้ดี ตอนนั้นภรรยาตนตั้งครรภ์ 7 เดือน ตนจึงตัดสินใจให้ภรรยาเดินทางกลับประเทศไทย โดยตนเองทำงานส่งให้ภรรยาใช้ทุกเดือนเดือนละ 27,000 ถึง 30,000 บาท



จนกระทั่งตนมาทราบจากลูกและพ่อของตนเองว่า ภรรยาถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 มีนาคม 64 เป็นลอตเตอรี่หมายเลข 835538 ภรรยาได้เงินมาทั้งสิ้น 12 ล้านบาท แต่ก็ไม่เคยบอกตนเองให้รู้เลย ตนทราบจากลูกว่า ให้พ่อรีบกลับมา อย่าลำบากอยู่ที่นู่นเลย เพราะแม่ถูกลอตเตอรี่แล้ว ตนพยายามโทรติดต่อพูดคุยกับภรรยา แต่เขาก็ไม่รับสาย อีกทั้งยังบล็อกเบอร์โทรศัพท์ บล็อกเฟซบุ๊ก ตนจึงเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 66 เพื่อจะไปหาภรรยากับลูกทั้ง 3 คน โดยเฉพาะลูกสาวคนที่ 3 ตนยังไม่เคยเห็นหน้าเลย ปรากฏว่าพ่อของตนได้บอกกับว่า ภรรยาของตนแต่งงานไปแล้วเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 66 กับนายตำรวจประจำแผนกควบคุมฝูงชน บชน. ตอนนั้นตนเองรู้สึกช็อกทำอะไรไม่ถูก เสียใจเป็นอย่างมากไม่คิดว่าเมียรักที่อยู่กินด้วยกันมานานกว่า 20 ปี จะทำร้ายตนได้ขนาดนี้ ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ เพราะตนก็ไม่เหลืออะไรแล้วเงินที่ได้จากการทำงานที่ประเทศเกาหลีก็ส่งให้ภรรยาใช้ทุกเดือน จนเหลือติดตัวอยู่เพียง 6 หมื่นบาท อยากให้ทนายรณณรงค์ช่วยเหลือในด้านเรียกร้องขอความเป็นธรรมในส่วนที่ตนควรจะได้รับ นายเอกกล่าวทั้งน้ำตา



ทางด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า อย่างแรกเลย ถ้าเขาไม่ได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยา ฝ่ายชายไม่จำเป็นต้องส่งเงินให้ เดือนละเกือบ 30,000 บาท แสดงว่าเขายังอยู่กินกัน ขณะที่เขาซื้อลอตเตอรี่ต้องแบ่งคนละครึ่งตามกรรมสิทธิ์ร่วม ส่วนสามีใหม่ที่มาแต่งงานเป็นตำรวจ น่าจะรู้ว่าเขายังไม่เลิกกัน ถ้าเขาเลิกกันแล้วทางนี้จะส่งเงินให้ทำไม ผู้ชายเขาส่งเงินให้ไปเลี้ยงดูครอบครัวไม่ใช่แค่ไปเลี้ยงลูกแล้วคุณไม่แจ้งเขา ผู้ชายสามารถยื่นเอาผิดทางวินัยได้ โทษหนักสุด ออกจากราชการตำรวจได้ ต่อให้เขาจะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่อยู่กินกันและมีคนรับรู้ในหมู่บ้านว่าเป็นผัวเมียกัน ผัวไปทำงานที่เกาหลีเมียเลี้ยงลูกอยู่ชัยภูมิ ลองคุยกันดูว่าจะเอายังไง ลูก 2 คน มีคนหนึ่งโตแล้ว แต่มีอีกคนที่ยังเล็กอยู่ ต้องแบ่งทรัพย์สินเพราะผู้ชายบอกไม่เหลืออะไรเลย ผู้ชายส่งเงินมาให้เมียปีละเกือบ 340,000-350,000 บาท ทุกปีตั้งแต่ทำงานที่เกาหลี ลูกบอกว่าพ่อมีเงินแค่ 60,000 บาท ตัวพ่อมีแค่นี้ไม่เหลืออะไรเลย ส่วนในด้านคดีต้องไปฟ้องศาลเพื่อขอแบ่งกรรมสิทธิ์คนละครึ่งคนละ 6 ล้านบาท

คุณอาจสนใจ