ตำรวจเรียกสอบ ครอบครัว แม่ลูกถูกปาดคอ ย่าเด็กชายเผยในบ้านอยู่กัน 3 พ่อแม่ลูก เพื่อนบ้านเชื่อคนในครอบครัวก่อเหตุ

จากกรณี 2 แม่ลูกถูกปาดคอคาบ้านวันนี้ (5 มี.ค.) ทำให้ลูกชายวัย 9 ขวบทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ส่วนแม่บาดเจ็บ ซึ่งตัวพ่อเด็กไม่เชื่อว่าภรรยาจะเป็นคนก่อเหตุ เพราะรักลูกมาก


ความคืบหน้า เมื่อเวลา 12.00 น. ร.ต.อ.อำนวย พูลผล ร้อยเวร สส.สภ.พระพุทธบาท ได้เชิญตัวญาติและเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เข้ามาสอบปากคำ เพื่อเร่งคลี่คลายคดี


โดยนางอารียา อายุ 40 ปี ผู้เป็นแม่ ขณะนี้ถูกส่งตัวเข้ารักษายัง รพ.ในจังหวัดลพบุรี อยู่ในความดูแลของแพทย์ ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แยกกันสอบสวน ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าปมการฆ่าปาดคอเกิดจากสาเหตุใด และยังคงต้องรอผลการชันสูตร และผล DNA ที่ตรวจจากรอยนิ้วมือที่มีด ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งจะเป็นผลทางนิติวิทยาศาสตร์


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบประตูบ้านถูกปิด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปนำตัวนายอุดร ผู้เป็นพ่อเด็ก พร้อมญาติมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.พระพุทธบาท


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามนายสาย อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านอยู่ติดกับบ้านหลังที่เกิดเหตุ เล่าว่าช่วงเกิดเหตุเช้ามืดตนเองไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย มารู้ข่าวอีกทีก็เห็นพ่อผู้ตายจะนำภรรยา และลูกชายส่งโรงพยาบาลแล้ว แต่ตนคิดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนภายในบ้าน เนื่องจากถ้าเป็นคนภายนอกเข้ามาภายในบ้านหลังที่เกิดเหตุต้องมีสุนัขเห่าอย่างแน่นอน และไม่ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยเหลือ ซึ่งบ้านหลังเกิดเหตุมีเพียงพ่อ แม่ ลูกอาศัยอยู่ด้วยกัน 3 คน ตนคิดว่าเป็นคนในบ้านก่อเหตุ


จากการสอบถามย่าของเด็กชายผู้เสียชีวิต อายุ 64 ปี เล่าว่า ตนเองได้ยินเสียง ลูกชายเรียกช่วงเวลาประมาณตี 5 ให้มาดูว่าหลานเป็นอะไร เมื่อเข้าไปดูพบว่าหลานมีเลือดไหลเต็มตัว จากนั้นจึงเดินตามหาลูกสะใภ้ ภายในบ้าน ว่าไปไหน ทำไมไม่ดูลูกเป็นอะไรเลือดไหล



ซึ่งลูกชายก็อุ้มหลานอยู่ที่หน้าประตู จากนั้นปู่ ได้ยินเสียรถเบรกอยู่หน้าถนน ได้เอาฉายไปส่องดู จากนั้นปู่ ได้ตะโกนบอกว่า มันอยู่นี่ ๆ และเมื่อถามไปว่า เป็นอะไรมานอนอยู่ที่นี่ทำไม ก็พบว่าลูกสะใภ้บาดเจ็บนอนอยู่กลางถนน จากนั้นก็นำ 2 แม่ลูกขึ้นรถเพื่อนำไปส่งโรงพยาบาล


ซึ่งปกติบ้านที่เกิดเหตุจะอาศัยกันอยู่ 3 คน พ่อ แม่ ลูก ส่วนลูกชายกับลูกสะใภ้ ได้แยกกันนอน เนื่องจากว่าลูกสะใภ้ตนเองไม่สบาย และไอ เลยไม่ให้หลานชายนอนอยู่กับแม่ของเขา เพราะเกรงว่าจะมาติด และลูกสะใภ้เป็นภูมิแพ้ด้วย จึงได้ให้หลานนอนอยู่กับพ่อภายในห้อง ส่วนตัวแม่จะนอนข้างนอกห้อง


และตนเองก็ไม่รู้ว่าหลานชายออกจากห้องมาอย่างไร หรือว่าจะออกมาเข้าห้องน้ำหรือเปล่า ตนก็ยังไม่รู้ ซึ่งลูกชายยังบอกว่าตอนตี 3 ยังนอนกอดหลาน และห่มผ้าให้อยู่เลย ซึ่งลูกชายตนจะเป็นคนที่เอาใจเมียมาก คอยหุงหาอาหารให้กิน ตอนเกิดเหตุก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย


ย่าผู้เสียชีวิต กล่าวเสริมว่า ภายในบ้านยังพบว่าหมอข้าวได้เตรียมหุง แต่ไม่ได้เสียบปลั๊กไฟ ซึ่งทางเข้าบ้านตนก็มีทางเดียว ภายในบ้านไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ และในบ้านที่อยู่ ก็อยู่กันในเครือญาติ พี่น้องกัน ไม่น่าจะมีใครเข้ามาได้ ตอนนี้ตนเองสันนิษฐานอะไรไม่ได้เลย มืดแปดด้าน