สังคม
หมอกควันยังหนัก! 'นกแอร์' บินลงแม่สอดไม่ได้ หวิดน้ำมันหมดกลางอากาศ ชาวบ้านโวยเหตุนายทุนเผาอ้อย
โดย petchpawee_k
3 มี.ค. 2566
15 views
แม่สอด ลงไม่ได้พิษหมอกควัน ทำนกแอร์บินวนหลายรอบ จนน้ำมันเกือบหมด ต้องบินไปลงท่าอากาศยานพิษณุโลก ด้านวิทยุการบินชี้แจ้งการเปลี่ยนสนามบินปลายทาง ขณะที่ชาวบ้านร้องเรียนหลังพบสาเหตุมากจากกลุ่มนายทุนเผาอ้อย ขณะที่หลายพื้นที่ของไทย ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 อย่างหนัก
วานนี้ (วันที่ 2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินของสายการบินนกแอร์เที่ยวบินที่ DD190 บินมาจากท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อบินส่งผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานแม่สอด แต่ไม่สามารถลงท่าอากาศยานแม่สอดได้ เนื่องจากทัศนวิสัยทางอากาศเลวร้ายมาก ไม่สามารถมองเห็น จากสภาพอากาศมีหมอกควันปกคลุมท่าอากาศยานแม่สอด ทำให้นักบินต้องบินวนรอบๆท่าอากาศยานหลายรอบ จนน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้หมด จึงบินกลับไปลงที่ท่าอากาศยานจังหวัดพิษณุโลก
ทั้งนี้ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา สภาพอากาศแม่สอดเลวร้ายมาก ปกคลุมไปด้วยหมอกควัน และฝุ่นละออง ค่าฝุ่นละอองมากกว่า 260 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนหนึ่งมาจากการเผาป่า ก่อสร้าง ทั้งในฝั่งไทย และฝั่งประเทศเมียนมา แม้ว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังรำรถดับเพลิง และรถน้ำไปพ่นน้ำที่ท่าอากาศยานแม่สอด แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพียงแค่ทำให้เกิดความชุ่มชื้นภาคพื้นดินเท่านั้น อย่างไรก็ดีในช่วงนี้ทางท่าอากาศยานแม่สอดได้ใช้รถน้ำไปพ่นน้ำที่ท่าอากาศยานทุกวัน
ต่อมาทีมข่าวสอบถามไปยังบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มี.ค 66 เวลา 11.58 น. เครื่องบินของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD190 แบบ B738 เดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปยังสนามบินแม่สอด มีการแจ้งมายังหอบังคับการจราจรทางอากาศแม่สอด ว่าขอบินวนรอเนื่องจากทัศนวิสัย 2,500 เมตร มีหมอกแดด จากนั้นเวลา 12.27 น. นักบินขอเปลี่ยนสนามบินปลายทางไปทำการบินลงที่ สนามบินพิษณุโลก และสามารถนำเครื่องลงจอดได้ปลอดภัย
ทั้งนี้ทีมข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ได้รับการร้องเรียนจาก พี่น้องชาวแม่สอด หลังปัญหาเรื่องหมอกควันทวีความรุ่นแรงมากขึ้น โดยทีมข่าวได้รับข้อมูลว่าสาเหตุมากจากกลุ่มนายทุนเผาอ้อย ซึ่งจากการตรวจสอบในสื่อโซเชียลพบว่า มีประชาชนโพสต์ว่าได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก อาทิ
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Yok Islucky โพสต์ข้อความระบุว่า “ตื่นมารู้สึกเจ็บคอ คัดจมูก แสดงว่าอากาศวันนี้คือสุดๆผู้หลักผู้ใหญ่ในแม่สอด เขาได้รับรู้ถึงปัญหานี้มั้ย ไม่ได้อินตามกระแสนะ แต่อากาศ แย่จริงๆ”
ต่อมาผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Eyormoomoo Nongdong ได้เข้ามาคอมเม้นท์ใต้โพสต์ดังกล่าว ระบุว่า “บ้านนี้หยุดเรียนไปแล้ว ไอหนักมากก ยิ่งเป็นภูมิแพ้ด้วย สงสารลูก”
--------------------------------------------------------
ส่วนที่ จ.ตาก วานนี้ (วันที่ 2 มี.ค.) เมื่อช่วงเวลา 01.21 น. สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ดาวเทียมได้มีการ ตรวจพบจุดความร้อน ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ตาก จำนวน 137 จุด มากที่สุด อยู่ในพื้นที่ผืนป่าเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก จำนวน 64 จุด ซึ่งในการเข้าดับไฟป่านั้นยากลำบาก เพราะพื้นที่เกิดไฟป่าอยู่บนภูเขาสูง ที่สลับซับซ้อน บางจุดเป็นหน้าผา เสี่ยงอันตราย
สุดท้ายต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ จากศูนย์การบินส่วนกลางนครสวรรค์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 1 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ ปภ.อีก 1 ลำ เพื่อปฏิบัติภารกิจดับไฟป่า ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ต.บ้านนา อ.สามเงา จ.ตาก ปฏิบัติงานควบคู่ระหว่างภาคพื้นดินและอากาศยาน ด้วยการสนับสนุนดับไฟทางอากาศยาน โดยทำการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ขึ้นไปทำการทิ้งน้ำดับไฟป่าที่เกิดขึ้น อย่างต่อเนื่อง รวมปริมาณน้ำทั้งหมด 81,000 ลิตร
เบื้องต้นคาดว่า ไฟป่าเกิดจากการหาของป่าของชาวบ้านในพื้นที่ โดยระหว่างการปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่พบอุปสรรคไฟแนวยาวขึ้นสันเขาสูง และมีลมพัดแรงมาก การควบคุมไฟทำได้ยาก
-----------------------------------------------------
พิษณุโลก - ช่วงเช้า วานนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพอากาศขมุกขมัวมุมสูง จากฝุ่นปกคลุมทั่วตัวเมือง ฝุ่นในอากาศเกินค่ามาตรฐานถึง 3 เท่า และต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ไหลมากนัก จากภาพมุมสูง ยิ่งเห็นชัดว่า บริเวณตัวเมืองถูกปกคลุมด้วยฝุ่นในปริมาณสูงมาก
นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ขอให้อำเภอทั้ง 9 อำเภอ สร้างการรับรู้ เน้นย้ำการปฏิบัติตามประกาศจังหวัดพิษณุโลก เรื่อง กำหนดเขตควบคุมไฟป่า และขอความร่วมมือห้ามเผาโดยเด็ดขาด (ตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. -16 เม.ย. 2566 รวม 60 วัน) ติดตาม และเฝ้าระวังสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และวิเคราะห์สาเหตุการเผา และมาตรการควบคุมและแก้ไขปัญหา รวมทั้ง ปัญหาและอุปสรรคของแต่ละพื้นที่ (ทั้ง 9 อำเภอ) เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขการแก้ปัญหาต่อไป
------------------------------------------------------
สุโขทัย - วานนี้ ตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ ต.ธานี อ.เมือง, สุโขทัย พบปริมาณฝุ่น PM2.5 มีค่า 202 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังพบปริมาณฝุ่นละออง PM10 มีค่า 269 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่ามลพิษทางอากาศอยู่ที่ 312 AGI ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเผาวัสดุทางธรรมชาติ เช่นต่อซังข้าว อ้อย ละรวมไปถึงการเผาป่า จนลามไปเป็นวงกว้าง จนก่อให้เกิดเป็นมลพิษทางฝุ่นควันขึ้น
ด้านประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและค่า PM2.5 ที่มีค่าเกินมาตรฐานสูง ต่างได้รับผลกระทบในด้านสุขภาพ เริ่มมีอาการคัดจมูก หายใจลำบาก แสบตา บางรายเป็นห่วงบุตรหลาน เด็กนักเรียนที่ต้องไปโรงเรียน โดยให้เด็กๆใส่หน้ากากอนามัยไปโรงเรียนทุกวัน
------------------------------------------------------
เชียงใหม่ - ถือว่าเข้าสู่ช่วงวิกฤติที่สุดของปีนี้แล้ว โดยเช้าวานนี้ เวลา 9.00 น. พบว่าเกือบทุกสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของเชียงใหม่ เกินค่ามาตรฐานทะลุ 100 ไมโครกรับต่อลูกบาศก์เมตร หรืออยู่ในระดับสีแดงที่ส่งผกระทบกับประชาชนในพื้นที่
ได้สั่งการและขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันปฏิบัติ จัดชุดลาดตระเวนในการป้องกัน ป้องปราม และสร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการห้ามเผาอย่างต่อเนื่อง หากพบผู้กระทำความผิด ให้บังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ในกรณีเกิดจุดความร้อน (Hotspot) ขึ้นในพื้นที่ ให้จัดชุดปฏิบัติการเข้าพื้นที่ เพื่อดำเนินการดับไฟอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดทำทะเบียนผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดไฟป่า เพื่อติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/mT8VBYvgKQc