อาชญากรรม

ลักพาตัวแม่ค้าปลาทู ชิงเงิน 4 หมื่น-ทอง 1 บาท ตร.ยังไม่ปักใจเชื่อ ให้การวกวน เร่งสอบเพิ่มคาดมีเงื่อนงำ

โดย kanyapak_w

26 ก.พ. 2566

1K views

ตร.พูดเป็นนัยยะ ว่าคดีลักพาตัว แม่ค้าปลาทู ที่แจ้งความ คนร้ายดักรถกระบะใช้ปืนจี้ลักพาตัวแม่ค้าปลาทูชิงเงิน4หมื่นและทอง1บ.ลอยนวล มีบางประเด็น น่าสงสัย เพราะดูแล้วการให้ปากคำกับตร.มีหลายประเด็น ที่วกวน และการให้ปากคำ ก็ดูสับสน เหมือนจะมีการปกปิดอะไรบางอย่าง เหมือนมีเงื่อนงำ เร่งส่งตัวกลับให้ สภ.ศรีสมเด็จ สอบสวนต่อหาความชัดเจน



เวลา 17:00 น. วันนี้ศูนย์วิทยุพลาญชัยสถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบหญิงสาว ถูกมัดมือมัดเท้า และมัดปาก ด้วยผ้าเช็ดตัว สีชมพู 3 ผืน หมดสติอยู่ข้างรถสีบรอนซ์เงิน จึงโทรฯแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ ยังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นถนนลูกรัง เส้นทางลัด ซึ่งเป็นถนนเปลี่ยวที่ไม่ค่อยมีคนใช้ เป็นถนน ออกจากบ้านดู่หมู่ 5 ตำบลหนองแวง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ขึ้นไปยังถนนเลี่ยงเมือง หรือถนนวงแหวนรอบนอกของตัวเมืองร้อยเอ็ด



หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจสายสืบ สุรสีห์ พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอก(หญิง)กฤตยาภรณ์ โสหนองบัว รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด ร้อยเวรสอบสวนเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าหญิงสาวที่นอน สลบไสล และมีอาการ สะลึมสะลือ มีอาการให้ปากคำวกวน และตรวจสอบหลักฐานประจำตัวทราบว่า ชื่อนางศิริลักษณ์ อายุ 27 ปี จับได้ใจความเพียงแต่ว่าตนเองเป็นแม่ค้าขายปลาทูในตลาดสดแห่งหนึ่ง 



โดยก่อนเกิดเหตุในช่วงสายของวันนี้ตนเองได้ขับรถมาเพียงลำพังเพื่อจะมาถ่ายเอกสารที่ร้านเอกสารแห่งหนึ่ง ในตำบลบ้านบาก เสร็จแล้วขับรถจะเดินทางกลับบ้าน ปรากฏว่าพบชาย 2 คน ซึ่งไม่เคยเห็นหน้าขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมาแล้วแซงขึ้นมาปาดหน้าให้ บอกให้ตนเองหยุด จึงจอดรถ สุดท้ายคนร้ายคนนึงได้ ขึ้นมาบนรถ กับตนเองมัดมือมัดเท้า มัดปากแล้วขับรถออกจากหมู่บ้านโดยมีอีกคนขี่รถจักรยานยนต์ตามมาจนมาถึงจุดที่ตัวเองจอดรถ จากนั้นคนร้าย ได้ชิงทรัพย์ เงินสดที่ตัวเองติดตัวมา ไม่ทราบจำนวนชัดเจน พร้อมกับให้การว่าคนร้ายยังชิงแหวนทองคำ 2 วง รวมหนัก 1 บาท ของตนไป ก่อนที่จะทิ้งตนเอง ที่ถูกมัดมือมัดเท้ามัดปาก ไว้ในรถ แล้วลงจากรถหลบหนีไปพร้อมกับเพื่อนที่ ขับขี่ จักรยานยนต์ ตามหลังมารับ แล้วขับขี่หนีไป



และจากการสอบสวนปากคำ นายทองดี อายุ 63 ปีอดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านม่วงลาด ตำบลม่วงลาดอำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งมาพบเหตุเป็นคนแรก เล่าว่าตนเอง เป็นพ่อค้ารับซื้อของเก่าซึ่ง เดินทางมาพร้อมกับ ภรรยาและลูกชาย เพื่อที่จะมารับซื้อของเก่าภายในหมู่บ้านพอมาถึงยัง ที่ เกิดเหตุ ก็พบว่าหญิงสาวเจ้าของรถเปิดประตูออก มาแล้วล้มลงที่ข้างรถ ซึ่งทีแรกตัวนี้ก็ตกใจไม่กล้าเข้าไปช่วย เพราะไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น และรอดูสักพัก ก็เห็นว่าหญิงสาวคนนั้นกล่าวถูกมัดมือมัดเท้ามัดปาก มีอาการกระเสือกกระสน และไม่มีเห็นคนอื่นลงมาจากรถจึงตัดสินใจเข้าไปช่วยเหลือ แก้ผ้าเช็ดตัวทั้ง 3 ผืนที่มัดมือมัดเท้ามัดปากหญิงสาวดังกล่าวออก




สอบถามเป็นเวลานานๆ จึงจับใจความได้ว่า ถูกคนร้ายก่อเหตุลักพาตัวมาพร้อมรถยนต์คันดังกล่าว จากบ้านเหล่าล้อ ต.บ้านบาก อ.ศรีสมเด็จ และมาจอดหน้าที่เกิดเหตุแล้ว ปล้นเอาเงินซึ่งไม่ทราบจำนวน รวมทั้งบอกว่าคนร้าย ยังได้ถอดเอาแหวนทองคำ หนัก 1 บาท หลบหนีไปด้วย หลังจากทราบเหตุจึงรีบโทรแจ้งตำรวจให้ประสานรถพยาบาลมารับตัว หญิงคนดังกล่าว ไปยังโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อรักษาพยาบาลต่อไป




และในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุและ กำลัง นำตัวหญิงคนดังกล่าว ส่งโรงพยาบาลร้อยเอ็ดได้มีทางด้าน นายทองทศ อายุ 38 ปี สามีของหญิงสาว ซึ่งทราบข่าวก็ได้เดินทางมาช่วยเหลือนำแฟนสาวส่งโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ด้วยความชุลมุนและให้ละเอียดเพียงแต่ว่า ตนเองมีอาชีพขายปลาทูในตลาดจ.มหาสารคามและร้อยเอ็ด และในช่วงเช้า แฟนสาวได้ขับรถกลับบ้าน บอกว่าจะไปถ่าย สำเนา เอกสาร ที่ร้านถ่ายเอกสาร ที่บ้านเหล่าล้อ และจากนั้นก็หายตัวไป ไม่สามารถติดต่อได้ และพยายามโทรศัพท์ติดต่อก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีสมเด็จ เพื่อติดตามหาตัว จนกระทั่ง มีคนแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด ว่าพบแฟนสาวและรถคันดังกล่าวแล้วตรงจุดเกิดเหตุ จึงรีบมานำตัวแฟนสาว ขึ้นรถของโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเป็นการด่วน




และหลังจากนั้น พนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด ได้ตามไปสอบสวนปากคำที่ รพ.ร้อยเอ็ด ผู้เสียหายที่ได้สติคืนมาบ้างแล้ว เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองขับรถไปเกือบถึงบ้านเหล่าล้อ ที่จะไปถ่ายเอกสาร ปรากฏว่า พบกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคน จอดรถ จยย.อยู่ริมถนน โบกรถทำมีจะเข้ามาถามทาง จึงเปิดกระจกลง ปรากฏว่าคนร้ายชักปืนออกมาจี้ สั่งให้เปิดประตูรถ จากนั้นคนร้ายคนหนึ่ง ซึ่งไม่เห็นหน้า เนื่องจากใส่หน้ากาก และใส่หมวกปิดบัง อำพรางใบหน้า ได้ขึ้นมาไล่ตนไปนั่งที่เบาะข้างๆคนขับ แล้วขึ้นมาขับรถแทน วนเวียนตามถนนหลายหมู่บ้านในเขต อำเภอศรีสมเด็จ แล้วทุบตีข่มขู่ ชิงเงินที่ติดตัวมา 40,000 บาท และแหวนทอง 2 วงหนักรวม 1 บาทไป ก่อนที่จะขับรถมายังจุดที่จอดรถทิ้งไว้ พร้อมกับใช้ผ้าขนหนูมัดมือ มัดเท้า และมัดปาก แล้วล๊อครถขังตนเองพร้อมกับทิ้งตนเองไว้ในรถ ก่อนที่จะทิ้งรถไว้ แล้วให้พรรคพวกมารับแล้วหลบหนีไป ซึ่งตนก็พยายามดิ้นรน จนกระทั่งสามารถเปิดประตูออกมาจากรถได้ ด้วยอาการอิดโรย และมีอาการสะลึมสะลือ คล้ายถูกมอมยา ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าโดนรมยาหรือไม่ เพราะในขณะที่อยู่ในรถ ตนเองไม่ได้ใส่หน้ากาก แต่คนร้ายใส่หน้ากากและปิดปาก ปิดจมูกมิดชิดมาก




ซึ่งหลังจากการสอบสวนปากคำเบื้องต้นแล้ว พนักงานสอบสวนก็ได้ประสานไปยังร้อยเวร สภ.ศรีสมเด็จ ซึ่งเป็นเจ้าของคดี ที่สามีแจ้งคนหายไว้ มารับตัวผู้เสียหายไป เพื่อสอบสวนบันทึกปากคำ และความชัดเจนเพิ่มเติม




เพราะดูแล้วการให้ปากคำกับตร.มีหลายประเด็น ที่วกวน และการให้ปากคำ ก็ดูสับสน เหมือนจะมีการปกปิดอะไรบางอย่าง เหมือนมีเงื่อนงำ ที่ชวนสงสัย




และ หากชัดเจนว่า มีเหตุจริง ก็เป็นหน้าที่ของ สภ.ศรีสมเด็จ จะต้องเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งในเบื้องต้นน่าจะเข้าข่าย ในข้อหาลักพาตัว และข้อหาชิงทรัพย์ ที่จะต้องขยายผลติดตามตัวคนร้าย มาดำเนินคดีต่อไป



แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ