ตลาดอสังหาฯไทยคึกคัก ทุนจีนหวนลงทุน ยอดโอนกรรมสิทธิ์ทะลุหมื่นยูนิต

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยคึกคักอีกครั้ง ทุนกลับจีนกลับเข้ามาลงทุน ยอดโอนทะลุหมื่นยูนิต เข้าใกล้ช่วงก่อนโควิดแล้ว คนจีนมีสัดส่วนสูงถึง 60% ของต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย



โดยคนจีนมีสัดส่วนสูงถึง 60% ของต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ก่อนการระบาดโควิด ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ อยู่ที่ 13,000 ยูนิต มูลค่า 53,000 ล้านบาท และซบเซาไปช่วงโควิดระบาด ลดลงมาอยู่ที่ 8,500 ยูนิต แต่ล่าสุด หลังไทยเปิดประเทศ (ตั้งแต่ช่วงปลายปี 65 ถึง ปัจจุบัน) มียอดโอนกรรมสิทธิ์กลับเข้ามาแล้วถึง 10,000 ยูนิต คิดมูลค่า 50,000 ล้านบาท



นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า ในปี 66 นี้ ซึ่งจีนเปิดประเทศเกือบ 100% จะยิ่งส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยมี 3 ปัจจัยที่จูงใจ คือผลตอบแทนในการลงทุน , การปรับขึ้นราคาสังหาริมทรัพย์ และความปลอดภัยในการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตาม จะเริ่มเห็นทุนจีนกลับมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี



อย่างไรก็ตาม ไทยมีคู่แข่งที่ต้องระวังอย่างมาเลเซีย และสิงคโปร์ เพราะในกลุ่มประเทศเหล่านี้อนุญาตให้ต่างชาติถือวีซ่าระยะยาว ในขณะที่ไทยยังไม่มี และในสองประเทศนี้ยังมีอัตราผลตอบแทนในการลงทุนให้เช่าอาคารชุดเฉลี่ย 4-5% สูงกว่าไทยซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 3% พร้อมยกตัวอย่างดูไบ ให้อัตราผลตอบแทนสูงถึง 12% และให้วีซ่าระยะยาวนาน 10 ปี



โดยมองว่า ไทยต้องเร่งพิจารณาเรื่องการออกวีซ่าระยาว อย่างน้อย 10 ปี และมีเกณฑ์พิจารณาอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยอย่างชัดเจน เพราะปัญหาทุนจีนสีเทา ทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะถูกเหมารวม ทั้งที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ทุนจีนเพิ่งเริ่มกลับเข้ามา ขณะเดียวกันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ควรมีมาตรการสร้างความเชื่อมั่นอื่น ว่าไทยจะให้ผลตอบแทนระยะยาว โดยเฉพาะเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในไทย เนื่องจากหลังโควิดผ่านไป คนจีนได้มองจุดประสงค์ของการเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเปลี่ยนไป คือ ไม่ใช่แค่ลงทุน แต่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยคล้ายบ้านหลังที่สอง รองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมไปถึงการให้ลูกหลานมาเรียนหนังสือและทำงานในไทย รวมถึงผู้สูงวัย ซึ่งมองว่าไทยมีระบบสาธารณูปโภคและสาธารณสุขที่ครบครัน



การเข้ามาของทุนจีน ทำให้ราคาบ้านและคอนโด พุ่งสูง จนกระทบคนไทยที่ต้องการซื้อบ้าน ในเรื่องนี้รัฐบาลต้องมีมาตรการ เช่น การเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียมสำหรับต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น และนำไปจัดตั้งกองทุน เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้เข้าถึงการมีบ้านได้ง่ายขึ้น