วงจรปิดจับภาพชัด นาทีกระบะซิ่ง ชนท้ายรถจอดข้างทางสนั่น เหตุเพราะก้มหยิบโทรศัพท์

วานนี้ (4 ก.พ.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 22.00 น. ของคืนที่ผ่านมา กู้ภัยปลวกแดงได้รับแจ้ง มีอุบัติเหตุบนถนน ปลวกแดง-LG ต.ปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง หลังได้รับแจ้งกู้ภัยจึงไปตรวจสอบทันที



เมื่อกู้ภัยไปถึง ในที่เกิดเหตุพบรถอยู่ในสภาพพังเสียหาย 3 คัน เป็นกระบะ 2 คัน รถเก๋ง 1 คัน ส่วนกระบะคันต้นเหตุ มีร่องรอยพลิกคว่ำหลายตลบก่อนไปตะแคงข้างอยู่กลางถนน ห่างจากจุดชนไป 20 เมตร กู้ภัยเร่งเข้าตรวจสอบพบคนขับกระบะคันต้นเหตุบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ประสงค์ รพ. ส่วนรถคันอื่นไม่พบคนเจ็บ กู้ภัยจึงกันพื้นที่เคลียร์การจราจรและประสาน ตำรวจ สภ.ปลวกแดง จ.ระยอง เข้ามายังที่เกิดเหตุ



ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ตรวจสอบที่มาที่ไปก่อนจะเกิดเหตุการณ์ ได้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุ รถกระบะสีบรอน คันต้นเหตุ ได้ขับมาบนถนน ปลวกแดง-LG  จะมุ่งหน้าเข้าปลวกแดง พอมาถึงที่เกิดเหตุ

ได้ชนท้ายรถกระบะสีดำที่จอดอยู่ริมทาง พอชนเสร็จ รถกระบะสีดำได้ไถลไปชนรถเก๋ง ที่จอดอยู่ข้างหน้าอีก 1 คัน แล้วรถคันต้นเหตุก็เสียหลักไป จอดตะแคงข้างอยู่กลางถนน



ผู้สื่อข่าวสำรวจความเสียหายพบว่า รถกระบะสีดำ สภาพด้านท้ายมีรอยชนและลากไปด้านข้างรถข้างขวา  รถเก๋ง มีรอยยุบที่ท้ายรถเสียหายไม่มาก ส่วนรถกระบะสีบรอน คันต้นเหตุนั้น สภาพรถพังเสียหายยับเยินด้านหน้าข้างซ้ายมีรอยยุบเข้าไปจนถึงห้องเครื่อง



ผู้สื่อข่าวยังได้ภาพกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุซึ่งจับภาพได้อย่างชัดเจน โดยจากคลิปจะเห็นได้ว่า ก่อนเกิดเหตุ รถกระบะ สีดำและรถเก๋งจอดอยู่ริมทาง พอรถกระบะ สีบรอน คันต้นเหตุมาถึงก็ชนท้ายกระบะสีดำอย่างแรง จนเกิดเหตุการณ์ขึ้น



ในช่วงสายของวันนี้ผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับคนขับกระบะ สีบรอน ซึ่งเดินทางมาพบตำรวจ สภ.ปลวกแดง เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น



นายมนตรี พัดสาริกรรม อายุ53 ปี เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจากโรงน้ำตาลกำลังจะไปปลวกแดง พอมาถึงที่เกิดเหตุได้ก้มไปหยิบโทรศัพท์แค่แวปเดียวพอเงยหน้าขึ้นมาก็ชนแล้ว แค่เสี่ยวนาทีจริงๆ ผู้สื่อข่าวจึงถาม นายมนตรี ว่าได้รับบาดเจ็บอะไรไหม นายมนตรีตอบว่าเจ็บแค่เล็กน้อยไม่ได้เป็นอะไรมากจากนั้น นายมนตรี จึงขอตัวไปพบตำรวจ



ทั้งนี้อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์เวลาขับรถห้ามก้มหยิบของในรถเด็ดขาด เพราะมักจะมีข่าวให้เห็นอยู่เสมอ ก้มหยิบของในรถแล้วเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ :   https://youtu.be/pN53s5CxmU8