นร.โดนสั่งลุกนั่ง 300 ครั้ง กระทบตับไต เดินไม่ได้ - ผอ.แจงทำจริงไม่ถึง 100 ครั้ง พร้อมเยียวยา

วานนี้ (24 ม.ค. 66) เพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2 โพสต์ภาพเด็กชาย นักเรียนชั้นป.3 ขณะกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากได้รับบาดเจ็บจากการถูกลงโทษ พร้อมระบุว่า “สมาชิกฝากแจ้งเรื่องลงโทษหนักไปไหม กับเด็กวัยขนาดนี้ เด็กชาย ชั้น ป.3 เป็นเด็กนักเรียน โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ถูกผู้ดูแลลงโทษให้เด็กลุกนั่งเกิน 300 ที

จนต้องเข้าโรงพยาบาลอาการสาหัส ทำให้เด็กเดินไม่ได้ และที่สำคัญที่สุดคือทำให้ตับไตทำงานไม่ปกติ ฉี่ไม่ออก เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเด็กตัวแค่นี้ ถึงน้องจะทำผิดร้ายแรงแค่ไหน ก็ไม่ควรทำถึงขนาดนี้ มันเกินไปไหม”

-----------

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงพยาบาลรือเสาะ จ.นราธิวาส หลังทราบว่า ด.ช.เอ ซึ่งป่วยจากการถูกลงโทษนอนรักษาตัวอยู่ที่ตึกผู้ป่วยในชาย โดยมี น.ส.นิมูรณี แม่ กำลังเฝ้าดูแลอาการ

โดยทางโรงพยาบาลนำป้ายงดเข้าเยี่ยม แพทย์กำลังตรวจผู้ป่วย มาตั้งไว้บริเวณประตูทางเข้า ตึกผู้ป่วยในชาย และอนุญาตให้เพียงญาติ 1 คน อยู่เฝ้าเตียงผู้ป่วยได้

ทำให้ยายและญาติของ ด.ช.เอ 2 คน ต้องออกมานั่งอยู่ที่บริเวณเก้าอี้ที่ตั้งไว้หน้าตึกผู้ป่วยในชาย ส่วน น.ส.นิมูรณี แจ้งผ่านมือถือมายังผู้สื่อข่าว หากแพทย์ตรวจลูกชายแล้วเสร็จ จะออกมาพบ เพื่อให้รายละเอียดต่างๆ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

ระหว่างรอ น.ส.นิมูรณี โทรมา ญาติคนหนึ่งที่ออกมานั่งรอหน้าตึกผู้ป่วยในชาย ให้รายละเอียดเบื้องต้นว่า ด.ช.เอ เรียนหนังสืออยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นราธิวาส พักประจำที่หอใน วันจันทร์ถึงศุกร์ ซึ่งในทุกวันศุกร์จะกลับบ้าน และเมื่อวันเสาร์ที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ยายเห็นความผิดปกติ เพราะหลานไม่ยอมลุกเดิน

เมื่อสอบถาม ด.ช.เอ เอาแต่ร้องไห้ เมื่อคาดคั้นจึงทราบว่า ถูกผู้ดูแลหอพักทำโทษ เพราะไม่ได้ปิดก๊อกน้ำในหอพักล็อก ชั้นป.1-ป.3 ผู้ดูแลสอบถามนักเรียนในหอพักที่ใช้น้ำในล็อกดังกล่าว  ต่างไม่มีใครนักเรียนคนใดยอมรับ จึงถูกผู้ดูแลลงโทษนักเรียนทั้งหมดที่อยู่ในล็อกดังกล่าว ด้วยการให้ลุกนั่งจำนวน 300 ครั้ง ซึ่งเป็นที่มาที่ไปของอาการป่วย 

ต่อมา นายซุลกอรนัย อายุ 45 ปี พ่อของ ด.ช.เอ เดินทางมาเยี่ยมลูก พร้อมกล่าวถึงสาเหตุเรื่องที่เกิดขึ้นว่า สาเหตุมาจากเด็กนักเรียนไม่ปิดก๊อกน้ำ จึงโดนทำโทษ ลุกนั่งจำนวน 300 ครั้ง ในล็อกชั้น ป.1-ป.3 ทั้งหมด เหตุเกิดช่วงเย็นวันพฤหัสที่ 19 ม.ค.66

ลูกกลับมาบ้านรู้สึกเจ็บๆ แต่ยังไม่บอก ตกดึกแม่เฝ้าดูอาการพบว่าฉี่ไม่ออก ตอนเช้าตนกลับไปบ้าน ดูสภาพลูกแล้วน้ำตาไหล พอเย็นวันเสาร์ พาลูกมาโรงพยาบาล หมอตรวจเลือดพบค่าตับสูง ล่าสุดอาการดีขึ้น เริ่มฉี่ได้ จึงอยากฝากถึงกระทรวงศึกษาธิการ ช่วยพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวกับผู้ดูแลเด็กให้ดีกว่านี้

ทั้งนี้ เมื่อเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น น.ส.นิมูรณี จึงเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เสกสรร เรืองฤทธิ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.รือเสาะ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลา 12.57 น. โดยแจ้งว่า ลูกชายกลับมาจากโรงเรียน สังเกตเห็นอาการผิดปกติ ไม่สามารถเดินได้ จึงถามลูกชายทราบว่า โดนสั่งลุกนั่ง เพื่อทำโทษจำนวนหลายครั้ง ทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ จนต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะ จึงเดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

-------------

ต่อมาเวลา 11.00 น. น.ส.สุธิภรณ์ ขนอม รอง ผอ.สพป.นราธิวาส เขต 1 และนายจรัญ เหล็มเจริญ ผอ.โรงเรียนบ้านยะบะอุปการวิทยา รวมทั้งผู้ดูแลหอพักนักเรียนชายอีก 2 คน เดินทางเข้าเยี่ยมอาการ ด.ช.เอ ที่นอนรักษาตัวอยู่ที่ตึกผู้ป่วยในชาย

โดยทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรือเสาะ ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปในภายตึกผู้ป่วยในชาย รวมถึงก็ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ แต่คาดว่าน่าจะเป็นการนำผู้ดูแลหอพักนักเรียนชายมาขอโทษ พร้อมทั้งพูดคุย เพื่อเชิญผู้ปกครองของ ด.ช.เอ ไปตกลงกันเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งทางโรงเรียนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการรักษาทั้งหมด

ด้านนายจรัญ เหล็มเจริญ ผอ.โรงเรียนบ้านยะบะอุปการวิทยา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น มีเด็กไม่รู้คนไหน เปิดน้ำทิ้งไว้ในห้องน้ำจนล้น มันเกิดขึ้น 2 ครั้ง พอครั้งที่ 2 ถามใครก็ไม่รับผิดชอบ ผู้ดูแลก็บอกว่า ฉันจะทำโทษเธอยกห้องทั้งหมด 21 คน โดยบอกว่าจะให้ลุกนั่ง 500 ครั้ง ก็ทำไปเรื่อยๆ ช้าๆ เพราะจะเข้าแถวไปกินข้าว พอละหมาดเสร็จ ทำเป็นปกติอย่างงี้ ซึ่งทำจริงไม่ถึง 100 ครั้ง และเราก็มีมาตรการ คุยกับผู้ดูแลหอว่า หากจะทำโทษเด็กนั้นทำได้ แต่ให้เด็กเก็บขยะ

ต่อมา ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีการคาดโทษจะดำเนินการอย่างไรบ้าง ผอ. กล่าวว่า มีตามลำดับ เช่น การตักเตือน

ขณะที่ นพ.ซัมซุดดีน หามะ ผอ.โรงพยาบาลรือเสาะ กำลังตรวจอาการ ด.ช.เอ ซึ่งมีแม่และญาติ สามารถเข้าเยี่ยมอาการได้ โดย นพ.ซัมซุดดีน กล่าวถึงอาการ ด.ช.เอว่า ผู้ป่วยเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ ซึ่งวิธีการรักษาก็คือ การให้น้ำเกลือและติดตามค่าตับค่าไตทุกวัน ถ้าเกิดว่าค่าไตดีขึ้น ค่าตับดีขึ้น ก็สามารถกลับบ้านได้

-------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/vC-CvesEPuk