ข่าวโซเชียล

ควาญช้างเดือด สาวสองไลฟ์หวิวขายอาหารช้าง ย้ำไม่สมควร ด้าน ตร.จ่อตั้งข้อหาอนาจาร

โดย panwilai_c

15 ม.ค. 2566

388 views

กลุ่มสาวสอง 3 คน ชาวบุรีรัมย์ ที่ไลฟ์สดขายอาหารช้างตะกร้าละ 50 บาท กลายเป็นประเด็นร้อน หลังจากมีคนออกมาวิจารณ์เกี่ยวกับการไลฟ์ที่มีลักษณะอนาจาร เป็นจำนวนมาก ควาญช้างเผย ไม่สมควรอย่างยิ่ง ทั้งการไลฟ์และการสาบแช่งต่อหน้าช้าง ขณะตำรวจเตรียมออกหมายเรียกให้มาพบ อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และอนาจาร



วันที่ 15 ม.ค. 66 จากกรณี กลุ่มสาวสองรวม 3 คน ซึ่งได้เปิดกลุ่มลับเฉพาะกะเทย ทางเฟซบุ๊ก ด้วยการไลฟ์ เปิดขายตะกร้าอาหารช้าง ตะกร้าละ 50 บาท โดยขอบริจาคผ่านการโอนเงินเข้าบัญชี



กระทั่งโลกโซเชียล ต่างออกมาวิจารณ์กันอย่างหนักว่าเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากมีการออกท่าทางลีลา ที่ออกในลักษณะอนาจาร ต่อหน้าช้างซึ่งคนไทยถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง มาบังหน้าหากิน เนื่องจากมีข้อมูลว่ามีการไลฟ์สัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่ละครั้งจะขายได้ 100-300 ตะกร้า หากคิดตัวเลขกลมๆ ขายได้ครั้งละ 200 ตะกร้า ๆ ละ 50 บาท เท่ากับหนึ่งหมื่นบาทต่อไลฟ์ อาทิตย์ละ 2 ครั้ง เดือนละ 8 ครั้ง คิดเป็นเงินประมาณ 80,000-100,000 ต่อเดือน ที่สำคัญไม่มีการแจกแจงรายได้ให้ผู้บริจาคแต่อย่างใด



ซึ่งต่อมานายชาติ หอมเนียม หรือน้องน้ำหวาน อายุ 39 ปี ได้ออกมาระบุและยืนยันว่าไม่ได้เป็นการอนาจาร แต่ต้องการหาเงินซื้ออาหารให้ช้างที่ตกงานในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด รวมถึงการทำพิธีสาบแช่งคู่อริต่อหน้าช้างว่าเป็นการตอบโต้ที่ถูกกล่าวหาว่า "หากินกับช้าง"



ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวสอบถามนายวาสนา อาสาศึก อายุ 29 ปี คนเลี้ยงช้าง บอกว่า ในฐานะที่เป็นคนเลี้ยงช้าง เท่าที่เห็นภาพ เป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ที่มาเปิดวับๆแวมๆ แล้วโฆษณาขายอาหารช้างเสียหายแก่คนเลี้ยงช้างที่เคยปฏิบัติดีมาโดยตลอด ส่วนใหญ่ผู้คนต้องการลอดท้องช้างเพื่อเป็นสิริมงคลมากกว่าการกระทำแบบนี้



ยิ่งมีการทำพิธีสาบแช่งต่อหน้าช้างยิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง คนโบราณ จะไม่พูดพล่อยๆ ต่อหน้าช้างโดยเด็ดขาด ไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปทำความเข้าใจและสั่งสอนกะเทยทั้ง 3 คนด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง



ด้าน พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง ผกก.สภ.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ได้ออกมาระบุว่า หลังทราบข่าวได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบและรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว โดยจะทำการออกหมายเรียกเพื่อมาสอบปากคำก่อน เบื้องต้นพบว่าน่าจะมีความผิดเกี่ยวกับข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และข้อหาอนาจาร ทั้งนี้จะต้องมีการสอบปากคำผู้ก่อเหตุก่อน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ