ขนส่งภูเก็ต ลงโทษคนขับรถตู้เสพยา สั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ

จากกรณีเมื่อช่วงเช้า วันนี้ (13 ม.ค.66) พ.ต.ท.นิกร ชูทอง รอง ผกก.ป.สภ.ท่าฉัตรไชยพร้อมด้วย ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ รอง สว.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ตปฏิบัติราชการ สภ.ท่าฉัตรไชยนำกำลังเข้าตรวจสอบและร่วมกันจับกุมนายพิชัย บ้านอยู่ที่หมู่ 4 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมของกลางยาบ้าสีส้ม 11 เม็ด ชนิดสีเขียว 1 เม็ด ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย เพื่อดำเนินคดีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาตและเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ขณะมีสารเสพติดประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกาย


ทั้งนี้หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียนภูเก็ต มีพฤติการณ์ขับขี่อย่างผิดวิสัย โดยยางล้อหน้าซ้ายแตก เหลือแต่กระทะล้อ และยังฝืนขับต่อไปตาม ถ.เทพกระษัตรี ขาออกนอกเมืองภูเก็ต จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ


โดยพบรถคันดังกล่าวกำลังขับไปตามถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกรถให้จอดเพื่อตรวจสอบ และพบของยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในรถ สอบถามนายพิชัยรับสารภาพว่าตนเองเพิ่งเสพยาบ้ามา 3 เม็ด เมื่อเวลา 07.00 น.วันเดียวกัน จึงนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดที่ด่านตรวจภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ผลปรากฏว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย หรือ ผลบวก จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชยดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


นาย กรณ์พิทักษณ์ อาสน์สุวรรณ นักวิชาการขนส่งชำนาญการพิเศษสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าในเรื่องนี้ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการประสานข้อมูลคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชย พบว่า นายพิชัย (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ขับรถมีความผิดตามข้อกล่าวหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อเสพโดยไม่ได้รับอนุญาตและตรวจสอบข้อมูลผู้ขับรถ นายพิชัย ประเภทใบอนุญาตขับรถทุกประเภทชนิดที่ 2 เลขที่ใบอนุญาต ภก.00389/61 วันที่อนุญาต 8 มีนาคม 2561 วันสิ้นอายุ 28 กันยายน 2567 ออกโดยสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ตและตรวจสอบข้อมูลรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง คันหมายเลขทะเบียนภูเก็ต วันสิ้นอายุภาษี 30 มิถุนายน 2566 ชื่อผู้ประกอบการขนส่ง นางสาวอานิสา


โดยได้ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถของนาย นายพิชัย ตาม มาตรา 102 (3 ทวิ) แห่ง พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 “ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถ ต้อง ไม่เสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ” และทำหนังสือแจ้งผู้ประกอบการขนส่งเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงหากพบว่ามีการกระทำความผิด จะลงโทษตามกฎหมายสูงสุด ต่อไป