"ส.ว.เสรี" เผยเตรียมเสนอแก้รธน. ยกเลิกวาระนายกฯ 8 ปี

13 ม.ค. 2566 นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง วุฒิสภา เปิดเผยกับทีมข่าวการเมือง ช่อง 3 ถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ เตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีประเด็นที่จะเสนอให้นายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งได้มากกว่า 8 ปี ว่า เป็นวาระการพิจารณาในส่วนของการปฏิรูปประเทศ จำนวน 5 ซึ่งกรณีนี้ เป็นเรื่องของการปฏิรูปการเมือง โดยมีเป็นการปรับปรุง พัฒนารัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่ต้องนำมาพิจารณาถึงปัญหาของการใช้รัฐธรรมนูญตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งกรรมาธิการได้มอบให้สถาบันพระปกเก้า นำไปศึกษา



"ประเด็นการดำรงตำแหน่งวาระของนายกรัฐมนตรี 8 ปี ก็อยู่ในการพิจารณาเรื่องเหล่านี้ด้วย กรรมาธิการเห็นควรว่าจะทำการศึกษา ก็เลยเสนอไปในคราวเดียวกัน"



นายเสรี ระบุต่อว่า การกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 8 ปี มาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เพื่อแก้ปัญหาการเมืองในยุคก่อน ที่ไม่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในอำนาจนานเกินไป แต่ในยุคปัจจุบัน เรื่องเหล่านี้น่าจะเปลี่ยนแปลงและยกเลิกไปได้แล้ว เนื่องจากควรให้ประชาชนตัดสินใจเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่พูดกันมาอยู่ตลอด



“ดังนั้นเราควรที่จะให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากจะอยู่ 8 ปี หรือ 2 สมัย หรือจะอยู่ระยะเวลาใดก็ตาม ก็ควรให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นความจำเป็นที่จะให้นายกรัฐมนตรีอยู่เกิน 8 ปี ก็ใช้อยู่กับทุกพรรคการเมือง ไม่เฉพาะพลเอกประยุทธ์อจันทร์โอชา เท่านั้น”



เมื่อถามว่าวางกรอบจะแก้ประเด็นนี้ไว้เมื่อใด นายเสรี กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเพียงข้อเสนอของการศึกษา การจะแก้รัฐธรรมนูญจะต้องหันหน้ามาคุยกันทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการเสนอฝ่ายเดียวแล้วสำเร็จ มองว่าในรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ปัจจุบันมีประเด็นที่ต้องแก้ปัญหาหลายเรื่อง แต่ไม่ว่าจะเรื่องใด หรือฝ่ายใดเสนอ หากไม่เห็นพ้องต้องกันอย่างที่ผ่านมา ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ก็ขาดความร่วมมือกันในการแก้ไข



เมื่อถามถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า เป็นการแก้เพื่อเอื้อให้พลเอกประยุทธ์ สามารถไปต่อได้ นายเสรี ย้ำว่า การแก้ไขประเด็นนี้ สามารถนำไปใช้ได้กับทุกพรรคการเมือง



"ก็เห็นว่าจะแลนด์สไลด์ไม่ใช่เหรอ ยังจะห่วงอะไร ถูกไหม พรรคเพื่อไทยก็ใช้เงื่อนไขเหล่านี้เช่นเดียวกัน ถ้ามีเป้าหมายที่จะจัดตั้งรัฐบาล จะมีนายกรัฐมนตรี ก็ต้องอยู่ในเงื่อนไขนี้ ไม่จำกัดเวลา หากพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงข้างมากและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็อยู่ในเงื่อนไขนี้ ก็ได้ประโยชน์ต่อพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ว่าจะได้ประโยชน์ต่อคนใดคนหนึ่ง"



เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะเป็นการสร้างความแตกแยกในสังคมเพิ่มมากขึ้น นายเสรี กล่าวว่า ตนไม่ห่วง เพราะช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งแล้ว ต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ เมื่อประชาชนตัดสินใจว่าเสียงข้างมากจะเอาอย่างไร มองว่าการต่อต้านหรือไม่ต่อต้านก็ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่



ผู้สื่อข่าวถามว่าในการลงคะแนนเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครั้งหน้า ส.ว. มีเกณฑ์ในการเลือกอย่างไร นายเสรี ตอบว่า ต้องขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้งที่จะออกมา ต้องดูว่าคะแนนที่ออกมาใครจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนของ ส.ว. ก็ต้องไปดูเหตุดูผล ข้อมูลหลังเลือกตั้ง ถึงจะชัดเจน



เมื่อถามย้ำว่า มีการคาดการณ์ว่าอาจจะเป็นพลเอกประยุทธ์ หรือพลเอกประวิตร เพียงสองคน นายเสรี ตอบว่า ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนสนับสนุน สามารถที่จะลงคะแนนให้จัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ อย่าไปตีตนก่อนไข้ จะกลัวทำไมในเมื่อหากคิดว่าประชาชนเป็นผู้ตัดสินอยู่แล้ว ส.ว. ก็คงเป็นส่วนหนึ่ง