ตร.บำนาญ ค้ำประกันรถให้เพื่อน สุดท้ายเพื่อนไม่จ่ายค่างวด ถูกหมายศาลยึดบ้าน-ที่ดิน

ร.ต.ต.วิโรจน์ อดีตข้าราชการตำรวจบำนาญ และนางบังอร นำหมายศาลจังหวัดชุมแพ ประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่ดินโฉนด เลขที่ 21059 จำนวน 12 ไร่ มาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดู หลังจากถูกประกาศขายที่ดินแปลงดังกล่าวโดยไม่รู้ตัว



ร.ต.ต.วิโรจน์ เล่าว่า สาเหตุที่ถูกประกาศขายที่ดินนั้น เกิดขึ้นจาก นายบรรจง โค้ชวอลเลย์บอลและครูกีฬา ได้เช่าซื้อรถยนต์ ฮอนด้า SRV ราคา 599,256 บาท กับบริษัทแห่งหนึ่ง โดยแบ่งจ่ายเป็นงวดละ 8,323 บาท จำนวน 72 งวด โดยผู้เช่าซื้อได้จ่ายงวดรถมาแล้ว 11 งวด รวมเป็นเงิน 174,738 บาท ยังคงค้างชำระจำนวน 424,473 บาท จนทำให้ตน ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันเดือดร้อน ถูกศาลจังหวัดชุมแพฟ้องยึดทรัพย์ และประกาศขายทอดตลาด โดยไม่รู้ตัวมาก่อน



ร.ต.ต.วิโรจน์ เล่าอีกว่า ตนเองตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก เพราะที่ผ่านมา ตนเชื่อในความมั่นคงในการงานของเพื่อนคนนี้ เพราะถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทอีกคน จึงตัดสินใจค้ำประกันรถให้ ก่อนที่จะถูกขายทอดตลาด ทางบริษัทที่เป็นเจ้าของสัญญาเช่าซื้อ ได้โทรศัพท์ติดต่อตนเองตลอดว่าได้ค้างค่างวดรถยนต์ จนกระทั่งนายบรรจง ได้เกษียณราชการไปอยู่ที่เชียงใหม่ ตนเองได้มีการติดต่อข้อความเฟซบุ๊ก แต่นายบรรจง ก็ไม่ยอมจ่ายเงินค่างวดที่ค้างไว้



จนกระทั่งปลายปี 2564 ตนเองจึงถูกยื่นฟ้อง ทำให้ต้องไปขึ้นศาลจังหวัดชุมแพ โดยในผัดแรก จำเลยที่ 1 คือนายบรรจง ผู้กู้ ไม่ยอมมาตามศาลนัด ทำให้ศาลได้เลื่อนเป็นต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองสภาพร่างกายได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ จึงให้ทนายความซึ่งเป็นทนายความของนายบรรจง ไปตามศาลจังหวัดชุมแพที่นัดไว้ ด้วยความเชื่อใจเพื่อน คิดว่าทนายความคงจะช่วยไกล่เกลี่ยกับโจทย์ได้



ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2565 มีหมายจากกรมบังคับคดียึดบ้านของตนเอง ซึ่งเป็นบ้านพร้อมที่ดินมีเนื้อที่ 12 ไร่ เพื่อขายทอดตลาด ชดใช้หนี้สิน ซึ่งตนเองไม่คิดว่าเพื่อนสนิทจะทำกันได้ขนาดนี้ เพราะคิดว่าหลังจากที่เกษียณราชการไปแล้ว จะนำเงินที่ได้จากค่าบำนาญ หรือเงิน กบข. มาชำระค่างวดรถทั้งหมด แต่กลับเฉยไปจนถูกขายทอดตลาด



ร.ต.ต.วิโรจน์ กล่าวว่า ในวันที่ 11 ม.ค. 66 จะมีการนำบ้านหลังนี้ไปขายทอดตลาด ตนเองก็จะไปร่วมดูการขาย หากมีคนสนใจซื้อ ตนเองก็ต้องออกจากบ้านหลังนี้ไปแต่โดยดี ตามแต่ที่เจ้าของบ้านที่ซื้อจะกำหนดว่าจะให้ตนเองออกจากบ้านเมื่อไหร่ ถ้ายังไม่มีคนซื้อบ้านหลังนี้ ก็จะเป็นการต่อลมหายใจของตนเองออกไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งตนเองยอมรับว่าไม่มีเงินมากขนาดนั้น ที่จะไปจ่ายหนี้สินทั้งหมด