สังคม

เปิดไทม์ไลน์กว่าจะได้ตรวจเลือด 'คนขับเบนท์ลีย์'-แพทย์ชี้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงครึ่งหนึ่งจากเดิม

โดย panisa_p

10 ม.ค. 2566

175 views

เมื่อวานนี้  (9 ม.ค. 66) ผบ.ตร.บอกว่าวันนี้จะต้องได้ผลตรวจเลือดของคนขับรถเบนท์ลีย์ แต่จนถึงขณะนี้ยังเงียบ ล่าสุดพบตัวละครใหม่เข้ามาช่วยเจ้าของรถเบนท์ลีย์ อ้างเป็น อธิบดีดีเอสไอ ส่วนผลตรวจเลือดยังเงียบ



นี่เป็นกล้องวงจรปิดบนทางด่วนอีกมุมหนึ่งจะเห็นว่า ขับรถเบนท์ลีย์ด้วยความเร็วสูงบนทางด่วน แล้วขับปาดไปมา จนไปชนท้ายกับรถปาเจโร ทำให้รถปาเจโรพลิกคว่ำแล้วมาชนกับรถดับเพลิงของอาสาสมัครดับเพลิงฐานฮารูน บางรัก ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 8 คน ในจำนวนนี้มี 3 คนที่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล



ซึ่งคนขับรถเบท์ลีย์ คือ นายสุทัศน์ นักธุรกิจที่เคยปรากฏชื่อว่าเป็นนายทุนให้กับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งประเด็นหลักที่หลายคนคาใจ คือ เรื่องที่นายสุทัศน์ ไม่ยอมเป่าเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และพยายามยื้อเวลาโดยการดื่มน้ำ เคี้ยวหมากฝรั่ง ก่อนจะขอไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจแทน ที่สำคัญคือ ตำรวจส่งตัวไปตรวจเลือดตอนกี่โมง เพราะจะมีผลต่อการดำเนินคดีหรือไม่



ซึ่งเมื่อวานนี้ถ้าจำกันได้ พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุในการแถลงข่าวว่า นำตัวนายสุทัศน์ ส่งตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ ตอนเกือบตี 2 เพราะเขาเจ็บหน้าอก ทำให้การเป่าด้วยเครื่องอาจจะไม่เสถียรเท่ากับการตรวจเลือด



ทีมข่าวช่อง 3 ได้ตรวจสอบจากพยานหลักฐานที่ปรากฏตอนเกิดเหตุ และจากคำให้การของพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ที่บันทึกคลิปและภาพนิ่ง พบว่า หลักฐานตามกล้องหน้ารถที่เกิดอุบัติเหตุ บันทึกว่า เกิดอุบัติเหตุตอนเที่ยงคืน 35 นาที



จากนั้นพยานคนนี้มาถึงที่เกิดเหตุ พบว่าคนขับรถเบนท์ลีย์ขึ้นรถแท็กซี่ไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 01.44 น. ซึ่งบรรดาอาสาสมัครเป็นคนบอกให้แท็กซี่ขับไปส่งที่ สน.ทางด่วน 1 พร้อมขับรถประกบไปด้วยก่อนที่จะไปถึง สน. ตอน 01.51 น. และตอนที่ไปถึง ตำรวจที่อยู่ ใน สน.ทางด่วน 1 ไม่ยอมให้เข้าไปในพื้นที่ของโรงพัก อ้างว่าไม่มีอำนาจให้ทุกคนเข้าไปในตัวโรงพัก ให้รออยู่บริเวณด้านนอก กระทั่งร้อยเวรเจ้าของคดีกลับมาจึงเข้าไปสอบปากคำกันด้านใน



จากนั้นมีการเจรจากันใน สน. อยู่นาน เรื่องที่นายสุทัศน์ ไม่เป่าแอลกอฮอล์ ซึ่งตอนที่ถ่ายคลิป นายสุทัศน์ นั่งเคี้ยวหมากฝรั่งและพยายามโทรศัพท์ติดต่อใครบางคน เป็นเวลา 02.52 น. ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ระหว่างการดำเนินการเอกสาร และยังไม่ได้มีการตรวจอะไรเลย



ก่อนที่ในเวลาต่อมา จะมีชายคนหนึ่งเดินทางมาพร้อมกับลูกน้องและภรรยา โดยอ้างว่าเป็นอดีตตำรวจยศสูง และเป็นข้าราชการระดับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะขอมาดำเนินการเรื่องนี้ โดยการรับตัวนายสุทัศน์ ขึ้นรถเบนซ์ไปส่งที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่พนักงานสอบสวนได้ให้นายดาบคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ตามไปด้วย ก่อนจะไปถึงที่โรงพยาบาลตำรวจตอน 04.35 น. ก่อนจะออกมาจากโรงพยาบาลตำรวจตอนตี 5 ครึ่ง



ขณะที่มีกระแสข่าวกองบัญชาการตำรวจนครบาลสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบการทำงานของพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งพันตำรวจเอก ณัฐพัฒนส์ ธรรมชุตินันท์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 2 ศูนย์ควบคุมจราจร ทางด่วน/ทางพิเศษ กองบังคับการตำรวจจราจร ยอมรับว่า มีคำสั่งจริง แต่เป็นการให้ตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินคดีของเหตุการณ์ดังกล่าวตามขั้นตอนปกติ และตั้งคณะตรวจสอบขึ้นมาพิจารณาแล้วว่ามีขั้นตอนไหนที่ผิดไปจากมาตรฐานหรือไม่ หากพบว่าบกพร่องก็ต้องพิจารณาลงโทษพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีอีกครั้ง



ส่วนเรื่องของผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ รองผู้กำกับการสอบสวนที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลคดีดังกล่าวว่ายังอยู่ระหว่างการรอผลการตรวจจากแล็บตรวจสอบของทางโรงพยาบาลตำรวจยังไม่สามารถระบุได้ว่าผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจะสามารถออกมาได้ในช่วงเวลากี่โมง



ทีมข่าวตรวจสอบไปที่โรงพยาบาลตำรวจ สน.ทางด่วน 1 ทีมประชาสัมพันธ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 5 โมงเย็น ก็บอกว่ายังรอผลเช่นกัน



ด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอุบัติเหตุองค์การอนามัยโลก ชี้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในเลือดจะลดลงครึ่งหนึ่งของปริมาณจริง



นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือแห่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ด้านป้องกันอุบัติเหตุ กล่าวว่า โดยปกติแอลกอฮอล์เป็นสารกดประสาทออกฤทธิ์ในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อเข้าสู่กระแสเลือดจะเผาผลาญแอลกอฮอล์ในอัตรา 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต่อชั่วโมง ซึ่งหมายความว่า ถ้าในร่างกายของคุณมีแอลกอฮอล์ในเลือด 40 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ร่างกายจะใช้เวลา 2 ชม. เพื่อกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย



สำหรับเคสเบนท์ลีย์ที่ทิ้งระยะเวลาตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล นานประมาณ 4 ชั่วโมง โดยทั่วไปปริมาณแอลกอฮอลล์ในเลือด จะลดลงครึ่งหนึ่งของปริมาณเดิม พร้อมอธิบายว่า จริงแล้วเครื่องเป่าปัจจุบันได้มาตรฐาน ไม่ต้องใช้ลมเป่า เพียงจ่อลมหายใจก็ตรวจได้แล้ว



ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจได้ถือปฏิบัติมาตลอดว่า ใครไม่ยอมเป่าให้ถือว่าเมา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจตัดสิดใจของตำรวจ คุณหมอวิทยา บอกด้วยว่า ปริมาณแอลกอฮอล์ตั้งต้นจะลดหายไปได้ เมื่อดื่มน้ำและปัสสาวะออกบ่อยๆ


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/YMp0rSOvVyY

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ