ต่างประเทศ

จีนเปิดพรมแดน ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัว ดีเดย์ 8 มกราคม สิ้นสุดนโยบายโควิดต้องเป็นศูนย์

โดย nattachat_c

27 ธ.ค. 2565

374 views

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) แถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนจะยกเลิกมาตรการกักตัวทั้งหมด สำหรับผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป หลังจากที่มีการบังคับใช้มานาน 3 ปี เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด


สำหรับนักเดินทางจากต่างประเทศที่จะเข้าไปในจีนนั้น ไม่จำเป็นต้องกักตัวในโรงแรมหรือในที่พักอีกต่อไป โดยในปัจจุบัน นักเดินทางจะต้องกักตัวเป็นเวลา 5 วัน ที่โรงแรม หรือ 3 วัน ในที่พักอาศัย ซึ่งมาตรการเหล่านี้ จะได้รับการยกเลิกมีผลในวันที่ 8 มกราคม


นอกจากนั้น จีนจะผ่อนคลายมาตรการจัดการเกี่ยวกับโควิดลงสู่ระดับ B  จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ A ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด ซึ่งการประกาศของเอ็นเอชซีครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงการสิ้นสุดของนโยบายโควิดต้องเป็นศูนย์อย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้จีนเปิดสู่โลกภายนอกอีกครั้งหนึ่ง


การประกาศยกเลิกการกักตัวของจีนครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงอีกระลอกในจีน ซึ่งทางด้าน ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเพื่อปกป้องชีวิตของประชาชน ถือเป็นการปราศรัยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก เกี่ยวกับการจัดการรับมือการระบาดของโรคโควิด นับจากทางการจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิดอย่างเข้มงวด เมื่อต้นเดือนนี้


ผู้นำจีนกล่าวว่า “ปัจจุบันการป้องกันและควบคุมโควิดในประเทศจีน กำลังเผชิญกับสถานการณ์ใหม่และภารกิจใหม่ จีนควรเริ่มการรณรงค์ด้านสุขภาพของผู้รักชาติ ในแนวทางที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น เสริมสร้างแนวปกป้องชุมชนที่แข็งแกร่งขึ้น สำหรับการป้องกันและควบคุมโรคระบาด เพื่อปกป้องชีวิต ความปลอดภัย และสุขภาพของประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ”


ทั้งนี้ จากการศึกษาหลายชิ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ประเมินว่า จีนอาจมีผู้เสียชีวิตมากถึงราว 1 ล้านคนได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจากการระบาดระลอกใหม่ ขณะที่ประชากรจำนวนมากกำลังต่อสู้กับการขาดแคลนยารักษาโรค ส่วนสถานพยาบาลกำลังตึงเครียดกับการทะลักไหลเข้ามาของกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนจำนวนมาก


ขณะเดียวกัน รอยเตอร์ส ได้เผยแพร่ภาพสถานการณ์ที่บริเวณด่านหน้าสุสาน ในเมืองจี้หนาน เมืองชานตง ซึ่งเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น เมื่อมีญาติผู้เสียชีวิตรวมตัวกันเป็นจำนวนมากเพื่อทำพิธีฝังศพ คาดว่าจะเป็นเพราะผู้เสียชีวิตจากโควิดที่พุ่งสูงขึ้น สวนทางกับทางการที่ไม่มีการรายงานผู้เสียชีวิตรายใหม่เลย

คุณอาจสนใจ