สังคม

พี่สาวเข้าตรวจดีเอ็นเอ-สภาพศพพลทหาร พบอัตลักษณ์ไม่ตรงกับน้องชาย เชื่อน้องยังมีชีวิต

โดย paranee_s

21 ธ.ค. 2565

16 views

วันนี้ (21 ธ.ค.) บริเวณมูลนิธิสว่างราษฎร์ศรัทธาธรรมสถาน ซึ่งเป็นจุดที่นำร่างกำลังพลที่เสียชีวิต จากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง มาตรวจเอกลักษณ์บุคคลทั้งหมด 6 ร่าง โดยมีแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจชันสูตรร่างผู้เสียชีวิต


ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้า มีญาติ ๆ เดินทางมา เพื่อติดต่อขอเข้าไปตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ และขอดูร่างเพื่อยืนยัน รวมทั้งครอบครัวของ จ.อ.จักรพงศ์ พูลผล, พลทหารอัครเดช โพธิ์บัติ และ พ.จ.อ.จิราวัฒน์ เจริญศิลป์


โดยมูลนิธิได้มีการจัดเตรียมพนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน เพื่อสอบปากคำญาติและลงบันทึกประจำวัน ก่อนนำใบบันทึกประจำวัน พร้อมเอกสารของผู้เสียชีวิต คือสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านไปติดต่อที่โต๊ะของฝ่ายทะเบียน อ.บางสะพาน เพื่อทำการออกเอกสารต่อไป


ทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณอรอุมา พี่สาวของ จ่าเอก จักรพงศ์ พูลผล ซึ่งเดินทางมาจากอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อมาขอตรวจดูร่างว่าใช่น้องชายตนเองหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดขับรถมาถึงตั้งแต่เมื่อคืน ไปนั่งรออยู่ที่ท่าเรือเอกชน หลังจากมีคนโทรศัพท์มาบอกช่วง 4 โมงเย็นว่า ร่างที่พบอาจเป็นน้องชาย ซึ่งคุณอรอุมา เข้ามาที่มูลนิธิ เพื่อดูภาพร่างที่พบ และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของพี่สาว ไปเปรียบเทียบกับร่างตั้งแต่ 10.00 น.วันนี้


จนกระทั่งช่วงบ่ายที่ผ่านมา คุณอรอุมา เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ให้ตนเข้ามาดูภาพถ่ายใบหน้าจากร่างของกำลังพลที่เสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าอาจจะเป็นน้องชายตน เพราะร่างนี้สวมเสื้อฝึก ที่มีชื่อปักบนเสื้อที่หน้าอกว่า “จักรพงศ์” ส่วนตรงนามสกุล ฉีกขาด เหลือแค่ตัว พ.พาน ซึ่งจนถึงตอนนี้ตนยังไม่ปักใจเชื่อว่า ร่างที่พบเป็นน้องชาย เพราะดูเค้าโครงใบหน้า ใบหูที่ดูไม่ตรงกับน้อง


นอกจากนี้ ร่างที่พบสวมใส่นาฬิกาข้อมือ ซึ่งปกติน้องชายไม่ชอบใส่ และเจ้าหน้าที่ยังถามอีกว่า น้องชายเคยผ่าตัดไหม ซึ่งไม่เคยมี จึงทำให้ตนภาวนาว่าร่างที่พบไม่ใช่น้องชายตนเอง และขอให้น้องยังเป็น 1 ใน 23 คนที่ยังไม่พบ และขอให้ปลอดภัย


คุณอรอุมา ยังเอาหมวกใบที่น้องชายให้ตนมาใช้ ติดตัวมาด้วย ก่อนที่จะเล่าอีกว่า น้องชายรับราชการมา 10 กว่าปี และตอนนี้เหลือกันอยู่แค่ 2 คนพี่น้อง


พร้อมเปิดข้อความที่น้องชายส่งมาหาก่อนออกเรือในวันที่ 17 ธันวาคม ว่า “ออกเรือวันนี้ ไปทิ้งสมอชุมพร หาดทรายรี งานกรมหลวงชุมพร 4 วัน” ก่อนที่ตนจะตอบไปว่า “อ่อ” แล้วก็คุยเรื่องอื่น ๆ ต่อ


จนช่วง 20.34น. ตนก็ส่งรูปไปว่า “คิดถึงคนไกล ฝันดีราตรีสวัสดิ์ อากาศเย็นรักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ” ซึ่งนี่เป็นข้อความสุดท้ายที่น้องชายกดอ่าน


จนวันที่ 18 ธันวาคม ตนก็ส่งรูปข้าวมันไก่ที่น้องชอบ และรูปภาพตนเองไปให้ ก่อนจะทักไปบอกว่า “ประกาศเรือ ห้ามออกเกาะหมุย”


จากนั้นราว 22.31 น. ตนส่งข้อความไปหาน้องชายอีกว่า “แลข่าว ราว 4 ทุ่ม เรือหลวงสุโขทัย เอียงมะ คลื่นแรง” และถามว่า เป็นยังไงบ้าง “ที่ประจวบม่าย เรือจอดยัง ถึงไหนแล้ว” ซึ่งน้องชายไม่ได้อ่านข้อความใด ๆ อีกเลย


ตอนนี้ต้องลุ้นผลดีเอนเอ อีก 3 วัน ภาวนาให้ร่างที่พบไม่ใช่น้องชายของตนเอง


ซึ่งต่างจากครอบครัวของพลทหารอัครเดช ที่ทีมข่าวได้สอบถามนางสาวนวรัตน์ วัย 24 ปี ผู้เป็นน้องสาว ซึ่งเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า หลังจากที่แม่เห็นภาพใบหน้าของศพ ก็มั่นใจว่าใช่ เพราะจำจมูก และเค้าโครงใบหน้าได้ ตอนนี้ที่บ้านยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะตนเอง ที่ไม่เคยบอกรักกันและกัน แต่รับรู้อยู่เสมอว่าพี่ชายรักและห่วงตนเองมาก


และเหลืออีกเพียง 2 เดือน (กุมภาพันธ์ 65) พี่ชายก็จะปลดประจำการแล้ว แต่กลับมาเกิดเหตุขึ้น ทางครอบครัวก็ยังคงติดใจ สงสัย ว่าน้องชายตนได้สวมชูชีพหรือไม่


ขณะที่นางปณิตา เจริญศิลป์ ภรรยาของ พ.จ.อ.จิราวัฒน์ เจริญศิลป์ ทราบข่าวจากคนรู้จักเมื่อวานตอนบ่ายว่า สามีตนเสียแล้ว ตอนแรกก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่ใช่สามีตัวเอง แต่ก็มีคนยืนยันว่าเป็นสามีตน ก็ถึงกับทรุด


วันนี้จึงเดินทางมาที่มูลนิธิ เพื่อขอดูร่างผู้เสียชีวิตให้แน่ใจ และอีก 3 ปีสามีของตนจะเกษียณแล้ว ที่ผ่านมาสามีมักเป็นห่วงตน และหวังจะดูแลจนแก่เฒ่า ตนจึงอยากบอกกับสามีว่า อย่าเป็นห่วงตนเอง รวมถึงแม่ของสามีที่อายุมากแล้ว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ