สังคม

เจ้าภาพหมอลำจ่อฟ้องกลับตัวตึงแดนซ์เวทีหมอลำซิ่ง

โดย onjira_n

18 ธ.ค. 2565

25.8K views

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต๊อก ชื่อ “remnyaenglan” โพสต์คลิปเหตุการณ์หน้าเวทีหมอลำซิ่งในพื้นที่ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ในงานบุญแจกข้าวอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับตามความเชื่อของคนในพื้นที่ โดยผู้ใช้ติ๊กต๊อกรายนี้บันทึกภาพเอาไว้ได้ ขณะที่ชายคนหนึ่งเดินมาขอจับมือนักร้องที่หน้าเวที โดยมีเด็กสาวสองขึ้นไปเต้นด้านบนเวที ก่อนจะถูกชายดังกล่าวกระชากอย่างแรงจนตกจากเวทีได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะมีอีกหลายคลิปที่ผู้ใช้ติ๊กต๊อกรายนี้ถ่ายเอาไว้ โดยเป็นคลิปเหตุการณ์ต่อเนื่องที่พี่ของผู้บาดเจ็บโมโหตามไปเอาเรื่องกระทั่งเกิดการตะลุมบอนกันขึ้นและฝ่ายน้องที่โดนกระชากถูกรุมทำร้ายใช้ขวดฟาดศีรษะบาดเจ็บอีก 1 คน พร้อมข้อความระบุว่า “เมื่อกระเทยขึ้นไปเต้นบนเวที ผู้ชายจะขอจับมือกับนักร้อง แต่นักร้องไม่สนใจ เลยแย้งซีน #ผู้ชายตีกระเทย #กระเทย #หมอลํา” โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. วันที่ 17 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยผู้บาดเจ็บทั้งสองคนได้เข้าแจ้งความที่ สภ.มัญจาคีรีแล้ว



ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ธ.ค.2565 ที่ สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ร.ต.อ.วิโรจน์ โควินทะสุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.มัญจาคีรี ได้เชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่าย รวมทั้งฝ่ายเจ้าภาพจัดงาน ประกอบด้วยฝ่ายผู้แจ้งความเป็นเด็ก 2 คน อายุ 13 ปี และ 18 ปี  และญาติๆ ส่วนอีกฝ่ายเป็นทางเจ้าภาพจัดงานอุทิศส่วนกุศล หรือบุญแจกข้าวดังกล่าว ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ระบุว่าเป็นคนกระชากน้องโบ๊ต อายุ 13 ปี ตกจากเวทีหมอลำคือ นายเมธี  หรือนายต๋อย อายุ 31 ปี ชาวบ้านหนองบัวเย็น ต.นาข่า อ.มัญจาคีรี ซึ่งทางเจ้าภาพบอกว่าเป็นทีมงานของเจ้าภาพ และตอนนี้ไม่สบายเป็นไข้และไอทำให้ไม่สามารถเดินทางมาพูดคุยได้ ซึ่งในเบื้องต้นนั้น จากการพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เนื่องจากไม่สามารถตกลงกันได้ ทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการตามขั้นตอน เนื่องจากคดีดังกล่าวทางผู้แจ้งลงบันทึกประจำวันเอาไว้และยังไม่ได้ประสงค์ดำเนินคดี เพื่อรอการพูดคุยในวันนี้ แต่เมื่อพูดคุยกันไม่ได้ หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนก็จะทำการสอบปากคำผู้แจ้งทั้ง 2 คน แต่เนื่องจากเป็นเยาวชน การสอบสวนก็ต้องใช้ทีม สหวิชาชีพสอบปากคำตามขั้นตอน ก่อนจะเรียกอีกฝ่ายคู่กรณีมาทำการสอบปากคำหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนฝ่ายผู้แจ้ง



นางสาว สุภัตรา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 ม.16 ต.นาข่า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า น้องที่ขึ้นไปเต้นบนเวทีนั้น ในมุมของเจ้าภาพมองว่าเป็นการสร้างความวุ่นวายและเกินเหตุเนื่องจากไม่ได้ขออนุญาตเจ้าภาพ และทางเจ้าภาพไม่ได้อนุญาตให้ขึ้นไปอยู่แล้ว เพราะนอกเหนือจากสัญญาจ้าง ไม่ได้ตกลงกับหมอลำไว้ว่าจะให้มีเหตุการณ์แบบนี้ จังหวะที่น้องขึ้นไปเต้นบนเวทีนั้นตนเองได้บอกให้น้องลงมา รวมทั้งคนอื่นๆที่อยู่หน้าเวทีบอกให้ลงมา แต่น้องก็ไม่ฟังไม่ยอมลงมา ก่อนจะเริ่มเกิดความวุ่นวาย คนที่มาชมหมอลำเริ่มเกิดความไม่พอใจเพราะอยากที่จะชมหมอลำรวมทั้งตนเองและครอบครัวด้วย เพราะจ้างหมอลำมา ก็อยากให้หมอลำได้แสดงเต็มเวลาตามที่ตนเองเสียเงินจ้างมาแสดงถึง 30,000 บาท จึงได้บอกทีมงานของตนเอง 2 คนไปดึงลงมาและกำชับว่าอย่าทำรุนแรง เพราะหมอลำเล่นตามเวลาตามเงินที่จ้าง ถ้าน้องขึ้นไปหมอลำก็ไม่ได้แสดง และดึงเวลาออกไปและก็งานล่มเลิกก่อนเวลาจนเกิดความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ตรงนั้นก็จบไปไม่ได้มีการติดใจแต่อย่างใด กระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์มีคนไล่ตีกันเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่คนของตัวเองไม่ใช่นายต๋อมที่ไปมีเรื่องอีกเหตุการณ์ ที่ทางกลุ่มของน้องโบ๊ตกล่าวหา แต่เป็นใครก็ไม่รู้แต่ที่รู้มีกลุ่มของน้องโบ๊ตเป็นสาวประเภทสองเสื้อแดงที่มีทั้งสนับมืออยู่ที่มือ 2 ข้างและอีกคนเสื้อดำผมยาวที่บอกว่าถูกขวดตีหัวและรุมทำร้ายสักพักเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ต่างฝ่ายแยกย้ายกันไปแต่งานต้องยุติลงทั้งทีเหลือเวลาอีก 30 นาที ทำให้ตอนนี้เกิดความเสียหายกับตนเองขึ้น รวมทั้งคลิปที่กลุ่มของน้องซึ่งเป็นคนต่างหมู่บ้าน มาถ่ายคลิปมาโพสต์โซเชียลกล่าวหาจนทำให้คนในหมู่บ้านเสียหายไปเป็นวงกว้าง ในตรงนี้หากการพูดคุยกันไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับกลุ่มของน้องที่ขึ้นไปเต้นบนเวทีทุกคนเป็นเงิน 30,000 บาทตามที่ประกาศไว้ก่อนแสดงหมอลำ



พร้อมกันนี้เจ้าภาพยังกล่าวทั้งน้ำตากับผู้สื่อข่าวอีกว่า ที่กลุ่มของน้องๆมาทำแบบนี้เหมือนมาพังงานที่ตัวเองตั้งใจเก็บเงินทำบุญใหญ่อุทิศส่วนกุศลให้คุณตา ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาพังงานของตนเองพังแบบนี้ หมอลำที่จ้างมาก็อยากจะให้คนในหมู่บ้านได้ชมการแสดงแบบเต็มที่เต็มเวลาตามสัญญาจ้างที่ตนเองเสียเงินไป และน้องๆที่มาไม่ใช่คนในหมู่บ้าน เหมือนมาก่อความวุ่นวายโดยตรงและเหมือนจะรู้จักกับทางหมอลำไม่รู้ว่ารู้กันหรือไม่ในเรื่องการโพสต์คลิปสร้างความเสียหายในโซเชียล และที่มีคลิปหมอลำประกาศไมค์บนเวทีถามความเห็นว่าน้องมาสร้างความวุ่นวายหรือมาสร้างความสุนกสนานและให้ปรบมือนั้น ทางเจ้าภาพไม่ได้สั่ง และไม่ได้ตกลงกับทางหมอลำให้พูด ซึ่งก็อยากจะขอความเป็นธรรมให้กับทางเจ้าภาพด้วย



ขณะที่ นาง สาว อรัญญา  อายุ 28 ปี  ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์และเป็นทีมงานของทางเจ้าภาพ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า อยากจะขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย เพราะเหตุการณ์ในคลิปนั้นเป็นการตัดต่อ 2 เหตุการณ์มาใส่กัน เพราะเป็นระยะเวลาที่ห่างกันนานพอสมควร ในกรณีที่มีคลิปแชร์ในโซเชียลนั้นยอมรับว่าคนที่ดึงเป็นคนของเจ้าภาพจำนวนสองคน แต่ไม่ได้ตั้งใจดึงลงมาจากเวทีรุนแรงขนาดนั้นโดยทางเจ้าภาพบอกให้คนในคลิปบอกฟ้อนรำให้บอกน้องลงมาเพราะสถานการณ์เริ่มมั่วและใกล้จะหมดเวลาแล้วหมอลำก็ไม่ได้ทำการแสดงตามปกติทั้งบอกทางหมอลำทั้งบอกทางน้องให้เอาน้องลงมาแต่ก็ไม่มีใครฟังไม่มีใครสนใจส่วนคนที่ดึงลงไปนั้นไม่ได้ตั้งใจจะดึงซึ่งหลังจากดึงลงมาก็เห็นน้องอยู่ลงพื้นแล้ว และก็มีการดูน้องพอเห็นว่าไม่เป็นอะไรก็แยกย้ายกันไปและน้องก็ไม่ได้เรียกร้องในขณะนั้น และก็ได้มีการขอโทษน้องน้องไปแล้วและยังได้ เข้าไปคุยกับทางหมอลำด้วยว่าอย่าให้มีใครขึ้นไปบนเวที


ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจว่าจะมีเรื่องกับน้อง แต่ในคลิปนั้นจะมีอีกเหตุการณ์ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกันไม่ได้เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องโดยมีการไล่ทำร้ายกัน และเป็นคนละคนกัน ในส่วนของน้องที่อยู่บนเวทีกับทางเจ้าภาพก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องก็เป็นสาวประเภทสองที่อยู่กลุ่มเดียวกับน้องแต่ในเหตุการณ์ไม่มีน้องและไม่มีคนของเจ้าภาพอยู่เป็นเหตุการณ์ที่คนในกลุ่มน้องทะเลาะวิวาทกับอีกกลุ่มในงานซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นใครแต่ไม่ใช่คนของเจ้าภาพ พวกตนเองยืนยันว่าไม่ได้เกลียดกระเทยหรือไม่ชอบกระเทยเพราะลูกหลานคนในหมู่บ้านก็มีกระเทยเป็นจำนวนมากรวมทั้งครอบครัวตนเองก็มีลูกหลานเป็นกระเทยเช่นกัน ถ้าเกลียดกระเทยจริงๆก็คงจะตีในขณะนั้นทันทีแล้ว



อยากจะขอความเป็นธรรมเพราะคนที่ดูคลิปซึ่งแพร่กระจายไปทั่วแล้วและตัดสินไปแล้วจากคลิปที่ทางกลุ่มของสาวประเภทสองแอบถ่ายเอาไว้แล้วนำไปโพสต์ในโซเชียลซึ่งก็ไม่รู้ว่ารู้เห็นกับทางหมอลำด้วยหรือไม่ ในเรื่องนี้ คนทั้งหมู่บ้านได้รับความเสียหายครอบครัวที่ตั้งใจจัดงานอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติที่ล่วงลับไปก็เกิดความเสียหายเพราะทุกคนตัดสินจากคลิปไปแล้วว่าทำไมถึงไปทำร้ายกระเทยแบบนั้นทั้งที่เป็นคนละเหตุการณ์กัน ในส่วนของน้องที่ขึ้นไปนั้นก็จริงอยู่ที่เป็นการจ้างสีสันแต่ก็ไม่ถูกไม่ควรเพราะบนเวทีนั้นเป็นเงินของเจ้าภาพจ้างมาเพื่อต้องการดูหมอลำทำการแสดงไม่ได้ต้องการให้คนอื่นขึ้นไปเต้นกินเวลาการแสดงของหมอลำที่เสียเงินจ้างมา และการสร้างสีสันความสนุกสนานนั้นก็สามารถสร้างความสนุกได้ที่ด้านล่างเวทีก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นไปบนเวทีแต่อย่างใด ในเรื่องการพูดคุยขอโทษนั้นตอนนี้ความเสียหายมันเป็นวงกว้างไปแล้วถ้าจะจบด้วยการขอโทษกันก็น่าจะจบกันไปตั้งนานแล้วตั้งแต่เกิดเหตุและเมื่อมาโพสต์โซเชียลทั้งระบุชื่อหมู่บ้านทั้งมีภาพของคุณตาที่เสียชีวิตที่ทางเจ้าภาพอุทิศส่วนกุศลให้ก็ปรากฏในคลิปในโซเชียลจนเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของหมู่บ้านและครอบครัวไปทั้งหมดแล้วซึ่งในส่วนนี้ก็ ต้องว่ากันไปตามกระบวนการหากไม่สามารถพูดคุยกันได้ โดยขึ้นอยู่กับทางเจ้าภาพจัดงานซึ่งเป็นผู้เสียหายโดยตรง






ด้าน พ.ต.อ.รัตนทัศน์ ศรีพล ผกก.สภ.มัญจาคีรี กล่าวว่าภายหลังจาก ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยไก่เกียกันที่โรงพักโดยมีร.ต.อ.วิโรจน์ โควินทะสุด รองสารวัตรสอบสวน สภ.มัญจาคีรี เป็นคนกลางในการพูดคุยซึ่งจากการพูดคุยกันร่วม 1 ชั่วโมงทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้โดยทางฝ่ายผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษคือฝ่ายของน้อง 13 ปี ยืนยันเรียกค่าทำขวัญเป็นเงินจำนวน 10,000 บาทโดยทางฝ่ายเจ้าภาพมองว่าเป็นจำนวนเงินที่มากเกินไป ไม่สามารถให้ได้ และไม่สามารถตกลงกันได้ ทางตำรวจก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยจะทำการสอบปากคำเด็กทั้งสองคนที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกรณีที่ถูกกระชาก ตกจากเวทีหมอลำจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเนื่องจากเป็นเยาวชนก็จะต้องมีการสอบสวนโดยทีมสหวิชาชีพก่อนจะออกหมายเรียกนายต๋อมและเพื่อนอีกคนที่เข้าไปกระชากน้องโบ๊ทจนตกลงมา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาความผิดตามมาตรา 391 ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนจะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลจังหวัดขอนแก่นดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป

คุณอาจสนใจ