โซเชียลส่งใจช่วย "ลูกช้างธันวา" อาการไม่ค่อยดี สัตวแพทย์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

           ความคืบหน้าการดูแลรักษาลูกช้างธันวา  ลูกช้างเพศเมียที่หลงฝูงและถูกส่งมาอนุบาลที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี  เมื่อช่วงเช้า (10 ธ.ค.) อาการไม่ค่อยดี คือ ถ่ายเหลว มีมูกเนื้อเยื่อลำไส้จำนวน 2 ชิ้นเล็กออกมาปะปนกับอุจจาระ มีอาการอ่อนเพลีย หมดแรงกะทันหัน ไม่ลุกนั่ง ยืนและเดิน ตรวจวัดระดับน้ำตาลพบว่าต่ำกว่าปกติ อุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ   ทีมสัตวแพทย์  จึงให้สารน้ำที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเด็กโตรส และสารน้ำผสมน้ำตาลกลูโคสเข้าทางหลอดเลือดดำ รวมทั้งเจาะเลือดส่งตรวจไวรัสในลูกช้างทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม

             จนกระทั่งช่วงบ่าย อาการของลูกช้างธันวาเริ่มดีขึ้น มีอาการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมดี พยายามจะเตะขาทั้ง 4 ข้าง อยากจะลุกนั่ง หายใจปกติ  ส่วนบริเวณผิวหนังทั่วลำตัว และตามรูขุมขน พบตุ่มหนองขนาดเล็ก ผุดตามผิวหนังและรูขุมขน  กับแผลตามจุดกดทับ ปะทุขึ้น 1 จุด ที่บริเวณสะโพกข้างซาย สัตวแพทย์สงสัยเรื่องระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของลูกช้างอาจจะบกพร่อง หรือภูมิคุ้มกันลดต่ำลง โดยทีมสัตวแพทย์  เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์  ยังคอยดูแลลูกช้างธันวาตลอด 24 ชั่วโมง

           ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊กสวนสัตว์บึงฉวาก โพสต์คลิปอัปเดตอาการของลูกช้างธันวา ที่มีทีมเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด ฝึกให้เดินออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย และรักษาบาดแผลตามลำตัว  โดยมีชาวเน็ตเข้ามาให้กำลังใจลูกช้างและเจ้าหน้าที่จำนวนมาก

            ขณะที่เมื่อวานนี้ นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หรือ "หมอล็อต" หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โพสต์เกี่ยวกับอาการของลูกช้างธันวา ว่า  “ทุเรียนไร้หนาม คือ ทุเรียนที่กลิ้งตกจากเขา ร่องรอยบาดเจ็บที่แท้จริงของ พังธันวา ก็น่าจะประมาณนั้น เอามือแตะตรงไหนก็ร้อง จะนับบาดแผล รอยถลอก รอยฟกซ้ำ ระบม ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี โชคดีกระดูกไม่หัก  ที่สำคัญน้องสู้มากๆ จะลุก จะยืน จะเดิน จะนอน ก็จะระบบไปหมด ต้องประคับประคองและระวังเรื่องภาวะแทรกซ้อน การตัดสินใจช่วยเหลือ ณ วันนั้น ให้กำลังใจน้องธันวาและเจ้าหน้าที่ทุกคนกันครับ”