ยายร้องถูกเพื่อนบ้านยัดข้อหา เหตุอยากได้ที่ดิน เอาเรื่องตัดหน่อกล้วยเล่นงาน

คุณยายวัย 73 ปี และลูกสาวหิ้วเสื่อ และกระเป๋าเดินทางเข้ามาร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาล ขอความยุติธรรม หลังไปตัดต้นกล้วยที่หน่อล้ำเข้ามาในบ้าน ก่อนถูกเพื่อนบ้าน แจ้งข้อหาทำลายทรัพย์ และจะพยามกลั่นแกล้งสารพัด กดดันให้พวกตนออกจากพื้นที่ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์



ภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ที่ผู้เสียหายทั้ง 2 คน คือ คุณกุสุมา อ่วมคุ้ม และคุณยายดอกไม้ ยอดรัก อายุ 73 ปี บันทึกภาพเหตุการณ์ และนำมาให้สื่อดู เป็นหลักฐาน ว่าถูกคู่กรณีที่เป็นเพื่อนบ้าน และเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาก่อความวุ่นวายและพยามจับกุมตนเอง อย่างไม่เป็นธรรม



โดยในคลิป ทางผู้ร้อง ได้ตะโกนว่า ตำรวจช่วยกันจับล็อคให้คู่กรณีต่อย และอ้างว่าคู่กรณีพยายามจะฆ่าตน ทำให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย และมีการท้าทายกันเป็นระยะ ก่อนที่เพื่อนบ้านคู่กรณี จะตะโกนบอกว่า ผู้ร้องมาตัดต้นกล้วยบ้านตน



ทีมข่าว ได้พูดคุยกับคุณยาย ดอกไม้ ยอดรัก อายุ 73 ปี พร้อมด้วยลูกสาวคือ คุณกุสุมา อ่วมคุ้ม ที่วันนี้หอบกระเป๋าเดินทางหลายใบ พร้อมกับเสื่อ ขึ้นรถจากนครสวรรค์ มากรุงเทพ เล่าว่า



เหตฺการณ์เริ่มต้นประมาณ พฤษภาคม 65 ที่คุณกุสุมา ไปตัดต้นกล้วยของเพื่อนบ้าน ที่แทงหน่อกล้วยล้ำบริเวณที่ดิน พร้อมไล่เรียงไทม์ไลน์ ดังนี้



- 24 มิถุนายน 65 เพื่อนบ้านคู่กรณี พร้อมตำรวจ ยกพวกมาที่บ้าน แจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์



- น.ส.กุสุมา ถูกคุมขัง 2 คืน ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ก่อนได้รับการประกันตัวในชั้นศาล



- 7 ธันวาคม 65 หอบกระเป๋าเดินทางเข้า กทม. นอนพักหน้าร้านสะดวกซื้อ ใกล้วัดโสมนัสราชวรวิหาร



- 09.00น. 8 ธันวาคม 65 (วันนี้) เดินทางมาร้องที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบฯ



ทั้งคู่อธิบายเพิ่มเติมว่า พวกตนและญาติๆ หลายคน อาศัยอยู่บนที่ดินสาธารณะประโยชน์ ประมาณ 1 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินชายธง แต่อ้างว่าที่ผ่านมา เพื่อนบ้านที่เป็นคู่กรณี พยายามกลั่นแกล้งพวกตนสารพัด โดยหวังฮุบที่ดินของญาติๆ และพวกตน



กระทั่งประมาณ พฤษภาคม 65 มีหน่อต้นกล้วยของเพื่อนบ้านแทงล้ำเข้ามาในที่ดินตน ลูกสาวจึงไปตัดหน่อกล้วย หลังจากนั้นก็ดูเหมือนไม่มีอะไร



จนวันที่ 24 มิถุนายน 65 เพื่อนบ้านคู่กรณี พร้อมตำรวจ ยกพวกมาที่บ้าน แจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ จึงเกิดเหตุชุลมุนขึ้นตามที่ปรากฏในคลิป



คุณยายบอกว่า วันเกิดเหตุ มีคนจับคุณยายทุ่มลงพื้น อย่างกับลูกหมา จนบาดเจ็บเอวเบี้ยว และบาดเจ็บจนถึงทุกวันนี้ การเดินเหินไม่คล่องตัว ส่วนลูกสาว ที่จะเข้าไปช่วยแม่กลับถูกตำรวจที่ไปด้วยในวันนั้นจับล๊อคคอหิ้วปีก จนหายใจไม่ออก เป็นเหตุให้มีร่องรอยที่คอ ก่อนจะถูกแทงเข่าเข้าที่ใต้หน้าอก เป็นเหตุให้บาดเจ็บทั้งที่คอ และลำตัว



จากนั้นคุณกุสุมา ก็จะถูกจับกุมไปที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ต้องนอนในห้องคุมขัง 2 คืน ก่อนที่จะได้รับการประกันตัวในชั้นศาล



จากนั้น คุณกุสุมา ก็พยามไปแจ้งความกับตำรวจอีก ในข้อหาทำร้ายร่างกาย กับเพื่อนบ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อ้างว่าตำรวจก็ไม่ดำเนินคดี จนเรื่องเงียบ แม้จะไปตรวจร่างกายได้รับรองแพทย์ แนบไปกับคำร้อง แต่ตำรวจก็เงียบ



ตลอดหลายเดือนขึ้น โรงพักไปตามคดีหลายครั้ง ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครสวรรค์ แต่ก็ไม่มีคืบหน้าซึ่งพวกตนรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย และหลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ก็ยังถูกกลั่นแกล้งสารพัด ทั้งพยายามแจ้งความในหลายข้อหา จนทำให้อยู่อาศัยไม่เป็นสุข คล้ายกับว่า จะพยามกดดันให้พวกตน และครอบครัวย้ายออกไป



วันนี้คุณยายทนไม่ไหว จนต้องตัดสินใจหอบหิ้ว เสื่อ และกระเป๋าเดินทาง ที่เต็มไปด้วยเอกสารจากนครสวรรค์ เข้ามากรุงเทพเพื่อขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล แต่ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ จึงไปกราบขอความเห็นใจจากนักข่าวบางส่วนที่ทำข่าวอยู่แถวนั้นเพื่อขอให้ช่วย



ทีมข่าวจึงได้พาคุณยาย และ ลูกสาว ให้เข้าไปปรึกษากับ นายเอกภพ เหลืองประเสิร์ฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ก่อนจะซักถามข้อมูล และประสานความช่วยเหลือไปที่กระทรวงยุติธรรม ให้ติดตามสอบสวน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งฝ่ายปกครองและยุติธรรม ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงความปลอดภัยทั้งคู่ จึงจะประสานให้ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการคุ้มครองพยาน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/3DPj3WEtmto