"บิ๊กโจ๊ก" เผยยังไม่พบกลุ่มทุนจีนสีเทาเชื่อมโยงนักการเมือง ยันไม่มีมวยล้ม

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาพบคณะทำงานของนายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดเผยถึงความคืบหน้าการกวาดล้างกลุ่มทุนจีนสีเทา ว่า ล่าสุดได้เข้าตรวจค้นกลุ่มทุนจีน นายชัยณัฐร์ หรือ ตู้ห่าว ซึ่งเข้าตรวจค้นไปแล้ว 4 จุด รวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท จากนั้นจะนำข้อมูลทางการเงินมาตรวจสอบหาความเชื่อมโยงเส้นทางการเงิน จาก ป.ป.ส. และ ปปง. เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยทรัพย์ที่ยึดได้ มีทั้งรถ 150 คัน ที่ดิน เครื่องบิน และจะดำเนินการยึดโรงแรมต่อไป ที่สำคัญต้องตรวจสอบว่ามีเงินสดหรือไม่ เงินสดอยู่ตรงไหน ซึ่งฝ่ายสอบสวนกำลังดูอยู่ และจะเร่งทำให้เร็ว



ส่วนเรื่องรายงานนายกรัฐมนตรี เรื่องนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้รายงานอยู่แล้ว เบื้องต้นยังไม่พบเชื่อมโยงกับนักการเมือง แต่วันนี้กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมด และนำมาวิเคราะห์ เส้นทางการเงิน หลังจากวิเคราะห์จะสาวถึงใครคนไหน ก็ต้องว่าอีกที ถ้าไม่ถึงก็ว่าตามนั้น ยืนยันจะใช้เวลาไม่นานในการตรวจสอบ เพราะวันนี้ได้เร่งการทำงานไปแล้วคิดเป็นเปอร์เซนต์ถึงร้อยละ 90 แล้ว เนื่องจากส่วนตัวพยายามเร่งทำงาน อย่าลืมว่าตนเองก็รับผิดชอบคดีเยอะ ก็ต้องทุ่มเทเวลาคดีนี้ให้มาก และจบคดีนี้ให้เร็วเพื่อทำอย่างอื่นต่อ



อย่างไรก็ตามยืนยันจะทำคดีอย่างรอบคอบ เพราะบุคคลเหล่านี้มีทนายความ มีนักกฎหมายที่เก่ง เนื่องจากมีเงินเยอะเอาไว้สู้กับคนที่มีฐานะทางการเงินที่สูง ดังนั้นต้องทำยังรอบคอบ และต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม



พร้อมกล่าวว่า วันนี้ทุนจีนในประเทศไทยได้หนีไปเยอะแล้ว หลังจากที่ดำเนินการจับกุม และพบว่ากลุ่มที่หลบหนีจากจีนมาอยู่กัมพูชา เมื่อกัมพูชากวาดล้างหนัก ก็มาที่ประเทศไทยและไปลาว ตนเองจึงไปหารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลาว เพื่อจับมือกันผลักดันกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่ให้ได้สองสัญชาติ



ดังนั้นวันนี้ถ้าบังคับใช้กฎหมายจริงจัง ก็จะกวาดล้างได้ ทั้งนี้หากไปศึกษา และดูข้อมูลพบว่ากลุ่มคนจีนหนีไปเป็น 100 คน แล้วไม่ใช่แค่กลุ่มคนพวกนี้ โดยเฉพาะคนที่อยู่โดยผิดกฎหมาย พออยู่ไปแล้วไม่ทราบว่าจะโดนอะไรบ้าง ดังนั้นเมื่อกวาดล้างแล้ว ต่อไปต้องมาวางมาตรการเข้มงวด ตั้งแต่ต้นทางว่ามีการออกวีซ่าได้อย่างไร โดยเฉพาะตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หากเจ้าหน้าที่เข้าไปทำผิด ก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ทำผิดก็เตรียมที่จะดำเนินคดี ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการแล้วว่าถ้าให้วีซ่าโดยผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดี เช่นวีซ่านักเรียนผิดกฎหมาย ต้องดำเนินคดีไม่มีปล่อยไว้เพราะเวลาเอาคนเข้ามา บุคคลเหล่านี้ไม่ได้เอาเงินเขามาลงทุนแต่มาก่ออาชญากรรม ก็ต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจในพื้นที่ต้องตามจับ



และยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีมวยล้ม ถ้าตนเองทำคดีนี้ เพราะยึดหลักการคือไม่มีผลประโยชน์ จึงตัดสินใจง่าย และตนเองก็ทำง่ายเรื่องนี้ทำสบายใจมาก เพราะทำงานอย่างตรงไปตรงมา แต่มันอาจจะเหนื่อย จะเครียดด้วยเอกสารเนื้อหาเยอะ ดังนั้นต้องพิจารณารอบคอบ โดยคดีนี้ต้องใช้คนเยอะ กำลังเยอะแต่เราเป็นตำรวจจะต้องทำ ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามเมื่อไม่มีผลประโยชน์จะตัดสินใจง่าย รับรองเรื่องนี้ไม่มีมวยล้ม



พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่า วันนี้ยังได้รายงานความคืบหน้าการค้ามนุษย์ให้กับคณะทำงานนายกฯได้รับทราบ เนื่องจากทางสหรัฐอเมริกาได้ชื่นชมไทย และไทยถูกจัดอันดับ อยู่ที่เป็นเทียร์ 2 ก็จะพยายามเร่งรัดการปราบปราม บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ หลังจากตนเองที่ได้รับมอบหมายเรื่องนี้ ก็จะใช้กฎหมายเข้ามาดำเนินคดีอย่างจริงจัง