สังคม

สัปเหร่อไม่จบ หลังทัวร์ลงเจ้าภาพงานศพว่าใจร้ายแจ้งความสัปเหร่อลักทรัพย์ ปธ. ชุมชนแจง เจ้าภาพทำถูกต้อง

โดย onjira_n

19 พ.ย. 2565

33 views

วันที่ 19 พ.ย.65 กรณี น.ส.ณัฐธยาน์  อายุ 42 ปี เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.วิวัฒน์ นามอาษา รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.นางรอง อ.นางรอง กล่าวหานายรวีวิชญ์ อายุ 30 ปี  ลูกชายนายชูเดช อายุ 57 ปี หรือลุงน้อย สัปเหร่อประจำวัดใหม่เรไรทอง ต.ถนนหัก อ.นางรอง ฐานลักทรัพย์



หลังจากเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา นายชูเดช และนายรวีวิชญ์ สองพ่อลูกซึ่งทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อของวัด ซึ่งได้ทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อในงานศพของพ่อเจ้าภาพ แต่ปรากฏว่า ของเชิงบาตร ใส่ในถุงกระดาษ วางอยู่หลังโลงศพบนเมรุ ซึ่งในนั้นมี เงินสด 5,890 บาท และพระเครื่องอีกจำนวนหนึ่ง ได้หายไป เมื่อตามหาไม่มีใครทราบ นำมาสู่การแจ้งความเกิดขึ้น



หลังจากเป็นข่าวออกไป ชาวเน็ตต่างออกมารุมประณามเจ้าภาพงานศพ ว่ากระทำรุนแรงเกินไปถึงขั้นแจ้งความกับสัปเหร่อ ทั้งที่ทรัพย์ที่หายไปได้นำส่งคืนครบถ้วนหมดแล้ว



ล่าสุดนายไชยา ศรีผดุง อายุ 56 ปี ประธานชุมชนวัดใหม่เรไรทอง ได้ออกมาระบุว่า นอกจากจะเป็นประธานชุมชนแล้ว ตนยังทำหน้าโฆษกประวัดแทบทุกงาน รู้ขั้นตอนทุกอย่างของพิธีกรรม กรณีที่เกิดขึ้นตนรับทราบเรื่องทั้งหมด



นายไชยา กล่าวว่าเชิงบาตรคือของที่ทำอุทิศเจาะจงให้กับผู้ตาย คนที่จะพิจารณาเชิงบาตรตัวนี้คือผู้มีศีล คือพระ ไม่มีประเพณีที่ไหนเอาเชิงบาตรไปถวายสัปเหร่อ ทรัพย์ตัวนั้นยังเป็นของเจ้าภาพอยู่ ขั้นตอนมันยังไม่จบ แต่ของมันหาย ปกติเจ้าจะมอบให้พระ ถวายปัจจัยแล้วขอของคืน ไม่ใช่เป็นเงินส่งทางผีหรือเงินปากผี ซึ่งจะต้องใส่ไปในโลงศพ สัปเหร่อจะเอาไปไหนใครไม่ว่า แต่เชิงบาตรใครแตะต้องไม่ได้ ซึ่งสัปเหร่อรู้อยู่แล้วตามมารยาท



เหตุการณ์วันนั้นเจ้าภาพตามหาทรัพย์ของผู้วายชนต์ แต่กลับไม่มีใครรู้ เมื่อตามไปถึงบ้านสัปเหร่อ กลับไม่มีใครอยู่ ติดต่อไม่ได้ในเมื่อไม่มีใครรู้เป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าของทรัพย์จะต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้าย



สุดท้ายพ่อของผู้ถูกกล่าวหา ได้ตามเอาพระเครื่องมาคืนแต่ได้บางส่วน อีกส่วนหนึ่งไปอยู่ตามร้านพระเครื่อง ส่วนเงินสดได้คืนมาในวันที่ 3 หลังจากเสร็จงาน ทั้งหมดมันส่อเจตนา


คุณอาจสนใจ