อาชญากรรม

‘ชูวิทย์’ ลั่น! เดินหน้าจองเวรจองกรรม ยื่นหลักฐานนายทุนจีนหลบหนี แฉซ้ำคนอยู่เบื้องหลัง ‘ตู้ห่าว’

โดย petchpawee_k

18 พ.ย. 2565

429 views

ชูวิทย์ นำเบาะแส แฉนายทุนจีนสีเทา มอบให้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เปิดหลักฐานความสัมพันธ์ของ นายตู้ห่าวกับเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง ช่วยเหลือให้ตู้ห่าว ใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวที่ซื้อมาจากนักการเมืองโคราช บินหลบหนีออกจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม


วานนี้ (วันที่ 17 พ.ย.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาพบ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อยื่นหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการธุรกิจทุนจีนสีเทา


โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ข้อมูลที่นำมายื่นให้กับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในวันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ นายตู้ห่าว ว่ามีอิทธิพลสูงมาก โดยมีความพัวพันไปถึงทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง ซึ่งตนจะไม่พาดพิงเยอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ


 แต่ตนมีข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับการหลบหนีของ นายตู้ห่าว ว่าได้รับการช่วยเหลือ โดยในวันที่ 26 ต.ค. นายตู้ห่าว ได้หลบหนีโดยใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ที่ได้ซื้อมาจากนักการเมืองใหญ่ที่จ.นครราชสีมา โดยเดิมนั้น ที่ท้ายเครื่องบิน จะเขียนว่า HS-PSL แต่เครื่องบินของนายตู้ห่าว ได้นำมาเปลี่ยนชื่อเป็น HS-HAO ซึ่งคือชื่อของตัวเอง


ทั้งนี้ ปกติแล้ว สถานที่จอดเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว จะมีอยู่แค่ 2 ที่ คือ ของบริษัทเอกชน Mjets และที่ AOT แต่เครื่องบินลำนี้ของนายตู้ห่าว กลับได้จอดอยู่ที่ศูนย์ฝึกการบินพลเรือน 604 หรือ Sunny 604 ซึ่งเป็นที่ที่ดาราและเซเลปมักจะไปฝึกบิน โดยเครื่องบินที่จะสามารถจอดอยู่ที่นี่ได้ จะต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น แต่นายตู้ห่าวไม่ได้เป็นสมาชิก จึงน่าสงสัยว่าใช้อิทธิพลของใครในการนำเครื่องบินไปจอด ซึ่งตนมีข้อมูลทั้งหมด แต่ยังไม่ขอพูดพาดพิง


นอกจากนี้ เครื่องบินลำนี้ยังเป็นเครื่องบินที่ล่องหนได้ คือ ไม่มีเส้นทางการบินปรากฏอยู่ในตารางการบิน ซึ่งตามปกติแล้ว เครื่องบินทุกลำจะต้องมีการบันทึกการบินเอาไว้ แต่ข้อมูลการบินของเครื่องบินลำนี้กลับหายไป และตอนนี้ก็ไม่ได้จอดอยู่ที่สถานที่ดังกล่าว โดยตนมีข้อมูลว่าในวันที่ 26 ต.ค. มีการเรียกใช้เครื่องบินลำนี้ โดยที่ไม่ได้แจ้งไว้ในตารางการบินล่วงหน้า เปรียบเหมือนการเรียกแท็กซี่


ด้านพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่า ข้อมูลที่รับในวันนี้ จะนำไปขยายผลต่อ โดยยืนยันว่า เรื่องนี้ตำรวจยังไม่หยุดทำ แต่ช่วงนี้ยังติดภารกิจการประชุมเอเปค 2022 ซึ่งยืนยันว่าจะดำเนินการขยายผลต่อแน่นอน และข้อมูลที่ได้รับจากนายชูวิทย์ หากตรวจสอบแล้วมีมูล ก็จะขยายผลต่อ ยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องทำกันอีกยาว เพราะเป็นเรื่องระดับประเทศ และทางการจีนเองก็ให้ความสำคัญและได้รับความร่วมมือจากทางสถานทูตเป็นอย่างดี


 นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังบอกเพิ่มเติมด้วยว่า ในสัปดาห์หน้า ตนจะเดินหน้า จองเวรจองกรรม โดยจะเดินหน้าชดใช้กรรมเก่าของตนเองด้วยการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความจริง เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปที่กระทรวงยุติธรรม / วันที่ 22 พ.ย. เวลา 9.00 น. จะเดินทางไปที่ศาลอาญา และวันที่ 23 พ.ย. เวลา 8.30 น. ถือเป็นไฮไลท์สำคัญ โดยจะเดินทางไปที่รัฐสภาเพื่อเปิดเผยขบวนการทั้งหมด รวมถึงตัวการสนับสนุนด้วยและยืนยันว่าตนเป็นคนจริง ไม่พูดปากเปล่าแน่นอน ส่วนในแต่ละวันจะไปทำอะไรบ้างนั้น ขอให้รอติดตาม


ทั้งนี้ ฝากถึงพวกอสรพิษ ที่คิดจะล้มตนว่า ขอให้มาเจอกับตนจริงๆ วันนี้ตนมาทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้คิดจะเล่นการเมืองหรือหาผลประโยชน์อะไร หากมีสัมภเวสีมา ตนก็ต้องสู้ ยืนยันว่าไม่กลัว ตนแจ้งกำหนดการชัดเจนแล้ว สามารถที่จะตามไปได้


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การแจ้งหมายล่วงหน้านั้น กังวลหรือไม่ว่านายสันธนะ จะทราบแล้วตามไปพบ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่ได้รู้จักกับนายสันธนะ และไม่ได้ให้เครดิต ดังนั้น อยากจะพูดอะไรก็ให้พูดไป แต่ถ้าได้เจอกัน ตนก็จะเข้าไปหา และขอให้รอดูในวันที่ 23 พ.ย. ว่าตนมีอะไรจะเปิดเผย และการที่นายสันธนะ เอาเอกสารต่างๆ ออกมาแถลงข่าว ตนก็ขอถามกลับว่า นายสันธนะ จะไปตรวจสอบใครได้ ทั้งที่ตัวเองเป็นตำรวจที่ถูกไล่ออก ถูกถอดยศ พร้อมฝากว่า เมื่อเปิดหน้าชนกันแล้วก็ขอให้ไปให้สุดทาง นายสันธนะยังรู้จักตนน้อยไป แต่ถ้าคิดว่ารู้จักกันมากพอแล้ว ก็ขอให้รอดูลีลาว่าใครจะเด็ดกว่า และย้ำว่าเรื่องนี้เป็นหนังชีวิต ตนเล่นแล้ว เล่นไม่เลิก


ผู้สื่อข่าว สังเกตว่า การเดินทางมาพบรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของนายชูวิทย์ในวันนี้ ทางตำรวจได้มีการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษชุดคอมมานโดจำนวนหนึ่ง มาตรึงกำลังไว้ที่บริเวณหอประชุม กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีด้วย โดยคาดว่าเป็นการเตรียมไว้เพื่อป้องกันเหตุการณ์เผชิญหน้า หากมีบุคคลที่เดินทางมาพบนายชูวิทย์ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นที่ สน. ทองหล่อ ก่อนหน้านี้

----------------------------

ในวันเดียวกัน  นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์เพจเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุข้อความว่า  “ใครอยู่เบื้องหลัง “ตู้ห่าว”?


ไพรเวทเจ็ท “Citation Bravo” ลำนี้ เป็นของนายตู้ห่าว

เดิมชื่อ HS-PSL แต่พอนายตู้ห่าวซื้อต่อมา จึงเปลี่ยนชื่อเป็น HS-HAO

เครื่องบินออกจาก “ซันนี่ 604” ดอนเมือง ตอนเช้าตรู่วันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา

วันเดียวกับที่ตำรวจบุกผับ “จินหลิง” เวลาตี 3

วันนี้ข้อมูลส่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เรียบร้อย

คำถามง่ายๆ นายตู้ห่าวเป็นหัวหน้า 5 มาเฟียจีนเทาที่มีอิทธิพลสูง เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล และผู้มีบารมีในอดีตมากมาย

เมื่อหนีออกนอกประเทศ หนีไปอย่างไร ไปเมื่อไหร่ ไปกับใคร?

 ไม่ใช่หายตัวไปเฉยๆ แต่ใครอยากให้หายไปหรือเปล่า?

และเครื่องบินตู้ห่าว ไปจอดที่ศูนย์ฝึกการบินพลเรือนได้อย่างไร?

เพราะคนที่จะไปจอดได้ ต้องเป็นสมาชิกฝึกบิน

หากไม่ ก็ต้องไปจอดที่ MJets หรือ AOT ที่ราคาค่าจอดแพงลิบเดือนละ 3-4 แสน

ทำไมตู้ห่าวถึงจอดได้?

แถมบิน “ฉุกเฉิน” เร่งด่วน

ทั้งที่ตามปกติ ต้องแจ้งตารางการบินล่วงหน้า 24 ชั่วโมง

ที่สำคัญ เครื่องบินลำนี้ไม่มีบันทึกข้อมูลการบินมาตั้งแต่ปี 2017 ทั้งๆ ที่ใช้บินขึ้นลงอยู่ตลอด

คิดดูแล้วกัน ว่าใหญ่แค่ไหน

ส่วนประวัตินายตู้ห่าว จากซัวเถาถึงกรุงเทพฯ

บ้านเกิดอยู่ซัวเถา เป็นลูกคนที่ 2 จากพี่น้อง 4 คน

เมื่อ 10 ปีก่อน ยังขับรถฮอนด้าเก่าๆ อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นต์เล็กๆ ชั้น 5 ที่รัชดาซอย 10


แต่มาวันนี้ เป็นมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่มีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว


ผมมีข้อมูลอีกเยอะ แต่ยังบอกไม่ได้ เพราะอยากรู้ว่า ใครที่เอาจริง


เครือข่ายนายตู้ห่าวไม่ใช่ระดับธรรมดา แต่ตอนนี้เงียบสงบ รอวันกลับมา

จะเอาแค่ระดับ “ไฟไหม้ฟาง” หรือ “ถอนรากถอนโคน” แล้วแต่เลยครับ


 จากพลเมืองดีที่เคยเลว



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/FVjFi9lypkE

คุณอาจสนใจ

Related News