อนุทินติงพรรคร่วมขวางร่าง พ.ร.บ.กัญชา ทั้งที่ภูมิใจไทยยกมือสนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาลมาตลอด

           นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล กังวลว่าการออกกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาจะไม่รอบคอบนั้น ยืนยันว่า มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบดีแล้ว  และหากห่วงว่าจะเกิดผลกระทบ ก็ยิ่งต้องออกเป็นกฎหมายมาควบคุม ไม่ใช่การขัดขวาง แต่ละพรรคควรทำหน้าที่ของตนเอง และสามัคคีกัน เพื่อสร้างเสถียรภาพของรัฐบาล  การขัดขวาง พ.ร.บ.กัญชา  เท่ากับขัดสัตยาบันพรรคร่วมรัฐบาล

          นายอนุทิน ยังกล่าวว่า ที่บอกว่าไม่รอบคอบ น่าจะเป็นเรื่องที่ตนไม่คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะขัดขวาง เพราะทุกพรรครับรู้ว่า แต่ละพรรคมีนโยบายเรื่องอะไรบ้าง  จะบอกว่าไม่รับรู้คงไม่ได้  และที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลทุกเรื่อง  โดยเฉพาะการสนับสนุนรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ    ส่วนความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องนี้ จะส่งผลต่อการทำงานร่วมกันในอนาคตหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ขอรอดูผลการเลือกตั้งในอนาคตก่อน หากกฎหมายกัญชาไม่ผ่าน พรรคภูมิใจไทยก็ยังจะใช้นโยบายนี้หาเสียง  โดยจะชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบ

          ส่วนกรณีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับใหม่ล่าสุด เรื่อง “สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565” เพื่อควบคุมการใช้ช่อดอก   ตามขั้นตอนแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต้องเป็นผู้ลงนามยืนยัน ตามมติของคณะกรรมการส่งเสริมและควบคุมพืชสมุนไพร  และเมื่อลงนามแล้ว ก็ต้องสร้างความชัดเจนว่า จะควบคุมการใช้กัญชาอย่างไร เพื่อลดความวิตกกังวลของสังคม ซึ่งตามขั้นตอน หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนาม ก็จะส่งต่อไปยังสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  เพื่อประกาศลงราชกิจจานุเบกษา  ไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  เนื่องจากประกาศกระทรวงต่างๆ เป็นอำนาจของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง   แต่หากคณะรัฐมนตรีมีข้อสงสัย ก็สามารถสอบถามได้   ซึ่งหากตนไม่ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ  ตนก็พร้อมจะรายงานชี้แจงทุกประเด็นให้ที่ประชุม ครม.อยู่แล้ว เพราะเป็นหน้าที่ตน  แต่ในการประชุมวันนั้น  นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข คงไม่ได้ดูรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว  ส่วนอธิบดีกรมแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ก็ถูกเรียกตัวมาด่วนโดยไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้า

              นายอนุทิน ยังย้ำว่า ประกาศฉบับดังกล่าว ยังควบคุมไม่ให้เยาวชนเข้าถึงกัญชา เพราะมีการระบุไว้ว่าห้ามขายให้กับนักเรียนนักศึกษา แต่ที่ไม่ระบุว่า ห้ามขายในสถานศึกษา เพราะบางแห่งมีการเรียนการสอน ต้องใช้ทำวิจัย เป็นต้น