สังคม

ด.ต.หญิง โชว์ใบหย่า-ทะเบียนสมรส โต้ พ.ต.ท. อดีตสามี กล่าวหามีชู้

โดย nutda_t

11 พ.ย. 2565

9.9K views

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า พันตำรวจโทเอส ตำรวจสถานีตำรวจแห่งหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ ได้เผยแพร่คลิปภาพขณะที่บุกเข้าไปในบ้านพักข้าราชการตำรวจของสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ในเขตพื้นที่จ.ศรีสะเกษ และได้พบว่าดาบตำรวจหญิง ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของตนอยู่ภายในห้องพักกับตำรวจยศสิบตำรวจเอก



ขณะเดียวกันได้มีพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจที่เกิดเหตุ ได้เข้ามาดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้นมาและได้มีปากเสียงกัน เนื่องจากพันตำรวจโท ถือว่าตนเองมียศสูงกว่าร้อยตำรวจเอก แต่ว่าเพื่อนที่มาด้วยกันกับพันตำรวจโทเอส ได้ดึงตัวพันตำรวจโทเอส ออกไปจากที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะเกิดความรุนแรงขึ้น และมีการเผยแพร่คลิปภาพทางสื่อโซเชียล ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างกว้างขวาง



ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งของจ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของพันตำรวจโทเอส พบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้น เมื่อสอบถามถึง พันตำรวจโทเอส เพื่อจะขอสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ให้ไปที่งานสืบสวนซึ่งอยู่ที่ด้านข้างสถานีตำรวจ เมื่อผู้สื่อข่าวไปที่ห้องงานสืบสวน ปรากฎว่า ห้องสืบสวนปิดล็อคกุญแจไว้ จึงโทรไปที่หมายเลขโทรศัพท์ของพันตำรวจโทเอส ปรากฎว่า เป็นสัญญาณฝากข้อความตลอด ไม่สามารถติดต่อได้



ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจที่เกิดเหตุตามคลิป ได้พบกับ ร้อยตำรวจเอกสิทธิชัย พนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นตำรวจที่เข้าระงับเหตุและถูกพันตำรวจโทเอส ห้ามไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยว บอกว่าตนเองเป็นพันตำรวจโท ยศสูงกว่าร้อยตำรวจเอก



ร้อยตำรวจเอกสิทธิชัย เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะเกิดเหตุ ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ได้ยินเสียงดังมากจากบริเวณบ้านพักข้าราชการตำรวจ จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเข้ามาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พบชายฉกรรจ์ประมาณ 3 คน อยู่ที่บริเวณบ้านพักของสิบตำรวจเอกคิง โดยชายคนหนึ่งกำลังส่งเสียงดังมากบอกว่า ตนเองมาตามหาเมีย โดยอ้างว่า พบเมียตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องนอนของสิบตำรวจเอกคิง ตนเห็นว่า อาจจะมีการใช้กำลังความรุนแรง จึงบอกให้ชายคนดังกล่าวใจเย็นๆ แต่ชายคนดังกล่าวบอกว่า เป็นพันตำรวจโท ตนเป็นร้อยตำรวจเอก อย่าเข้ามายุ่ง ตนจึงบอกว่า ตนเป็นพนักงานสอบสวน ต้องเข้ามาดูแลความเรียบร้อย โดยมีเพื่อนของชายฉกรรจ์ที่กำลังอาละวาดถ่ายคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ จากนั้นเพื่อนของชายฉกรรจ์ที่กำลังอาละวาดได้นำตัวของชายที่อ้างว่ามาตามหาเมียออกไปจากที่เกิดเหตุ ตนมาทราบภายหลังว่า ชายฉกรรจ์ที่มาอาละวาดชื่อ พันตำรวจโทเอส



ต่อมา ดาบตำรวจหญิง และสิบตำรวจเอกคิง ได้นำเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วยหลักฐานใบสำคัญการหย่า หลักฐานทะเบียนสมรส หลักฐานการโอนเงิน และหลักฐานการซื้อขายที่ดิน มารายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ พันตำรวจโทยุทธศาสตร์ ลือขจร หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรที่เกิดเหตุได้รับทราบ เพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้ง 2 คน ไม่ได้เป็นชู้กันตามที่พันตำรวจโทเอส กล่าวหาแต่อย่างใด ซึ่งพันตำรวจโทยุทธศาสตร์ ได้ตรวจสอบดูเอกสารหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียดพบว่า ดาบตำรวจหญิงได้จดทะเบียนหย่าขาดกับพันตำรวจโทเอส ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2561 ที่สำนักทะเบียนอำเภอซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ โดยมีการบันทึกหลังการหย่าไว้อย่างละเอียด โดยระบุว่ามีการแบ่งทรัพย์สินต่างๆเรียบร้อยแล้ว ส่วนบุตรให้อยู่ในความดูแลของดาบตำรวจหญิง



ด้าน ดาบตำรวจหญิง กล่าวว่า ตนได้หย่าขาดกับพันตำรวจโทเอส มาตั้งแต่ปี 2561 จากนั้น ตนก็ได้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สถานีตำรวจแห่งนี้ และพักอยู่ที่บ้านพักตำรวจที่เกิดเหตุมาโดยตลอด ซึ่งพันตำรวจโทเอสได้ขาดการติดต่อกับตนมานานแล้ว และไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันอีกเลย ซึ่งต่อมาตนได้มาคบหากับ สิบตำรวจเอกคิง ซึ่งเป็นตำรวจรุ่นน้องและมีบ้านพักอยู่ใกล้กัน และได้ตกลงที่จะคบหากันเป็นแฟนเนื่องจากตนต้องการสร้างครอบครัวใหม่ และได้ไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนใหม่เรียบร้อยแล้ว



ต่อมา พันตำรวจโทเอส ได้บุกเข้ามาอาละวาดที่บ้านพักตำรวจซึ่งตนพักอยู่กับแฟนใหม่ พร้อมทั้งได้ถ่ายคลิปเอาไปเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลหาว่าตนมีชู้ทั้งที่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากว่าตนกับพันตำรวจโทเอสได้หย่าขาดจากกันแล้ว และมีการแบ่งทรัพย์สินกันเรียบร้อยแล้ว โดยตนเป็นคนดูแลบุตร การที่มากล่าวหาว่าตนมีชู้นั้นเป็นคำพูดที่รุนแรงเกินไป ไม่เป็นธรรมสำหรับตน ตนก็ย่อมที่จะดำเนินชีวิตของตนเองตามที่ตนต้องการได้ ซึ่งตนต้องการสร้างครอบครัวใหม่ให้เป็นหลักฐานมั่นคง เนื่องจากว่า พันตำรวจโทเอสเที่ยวตะลอน ไปกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แถมยังมีการโพสต์ภาพที่กำลังยุ่งอยู่กับผู้หญิงคนอื่นด้วย สร้างความเจ็บช้ำใจให้กับตนเป็นอย่างมาก



ตนอยากฝากถึงพันตำรวจโทเอสว่า ขอให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับตนอย่ามายุ่งเกี่ยววุ่นวายกันอีกต่อไป ต่างคนต่างอยู่เหมือนที่ผ่านมา ตนไม่อยากมีเรื่องมีความอะไรทั้งสิ้น แต่ทุกวันนี้พันตำรวจโทเอสได้นำเอาเรื่องของตนไปโพสต์ ในสื่อโซเชี่ยลทำให้ตนและสามีใหม่ได้รับความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเป็นอย่างมากซึ่งสามีใหม่ของตนได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับพันตำรวจโทเอสตามกฏหมายต่อไปแล้ว



ขณะที่ สิบตำรวจเอกคิง สามีใหม่ของดาบตำรวจหญิง กล่าวว่า ตนมีบ้านพักอยู่ใกล้กันกับดาบตำรวจหญิง และพบว่าดาบตำรวจหญิง พักอยู่ตามลำพังมานานแล้ว ตนจึงได้คบหาดูใจกัน เนื่องจากเห็นว่าดาบตำรวจหญิงเป็นคนดี มีความขยันขันแข็งในการทำงาน ตนจึงเกิดความรักและความสงสาร จึงได้ตกลงเป็นแฟนกัน ซึ่งการที่พันตำรวจโทเอส ได้บุกเข้ามาที่บ้านพักของตน สร้างความวุ่นวายขึ้นมานั้น ตนได้ร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นแล้ว



ตนขอยืนยันว่าตนรักดาบตำรวจหญิงอย่างแท้จริง จึงขอฝากถึงพันตำรวจโทเอสว่า ไม่ควรที่จะมายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของตนอีกต่อไป และไม่ควรที่จะนำเอาเรื่องราวของตนกับภรรยาไปโพสต์ในสื่อโซเชียล ทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งตนได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายกับพันตำรวจโทเอสต่อไป



ทางด้าน พันตำรวจโทยุทธศาสตร์ ลือขจร หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรที่เกิดเหตุ กล่าวว่า เรื่องนี้ ตนได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ พล.ต.ต.ลาภ ศรีสำอางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับทราบด้วยวาจาแล้ว และได้สั่งการให้ ดาบตำรวจหญิง และสิบตำรวจเอกคิง รายงานข้อเท็จจริงพร้อมพยานหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ให้ตนทราบ เพื่อจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นได้รับทราบ เพื่อโปรดพิจารณาต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ