สังคม

บก.ป. รวบแก๊งตุ๋นหวยทิพย์ ใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบาย หลอกเหยื่อลงทุนสูญกว่า 100 ล้าน

โดย nutda_t

4 พ.ย. 2565

974 views

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.รัฐมนตรี พันชูกลาง สว.กก.3 บก.ป. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ ร่วมกันจับกุม 3 ผู้ต้องหา คือนายรัฐกรณ์  (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี , น.ส.รพีพรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี และ น.ส.รัชฎาภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐาน ฟอกเงิน และมีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” โดยสามารถจับกุมได้บริเวณหมู่บ้านในพื้นที่ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 3 พ.ย.65





สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2561 ผู้เสียหายได้รู้จักกับ นายรัฐกรณ์ หรืออาร์ม ได้สร้างความน่าเชื่อถือ อ้างว่าตนเองยี่ปั๊วตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในพื้นที่จ.เลย และพื้นที่ใกล้เคียง มีโควตารับลอตเตอรี จำนวน 5,000 เล่ม โดยรู้จักกับข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน จึงชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนจริง โดยจะให้ผลตอบแทนกำไร ใบละ 1-5 บาท ต่องวด ของจำนวนเงินที่ลงทุนไปในแต่ละงวด ซึ่งแต่ละงวดจะได้กำไรไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับต้นทุนสลากที่ซื้อได้จากกองสลาก



ต่อมา นายรัฐกรณ์ ได้แนะนำผู้เสียหายให้รู้จักกับ น.ส.รพีพรรณ (น้องสาวนายรัฐกรณ์) และ น.ส.รัชฎาภรณ์ (เพื่อนนายรัฐกรณ์) ร่วมกันใช้กลอุบายหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนกับ นายรัฐกรณ์ จนผู้เสียหายหลงเชื่อและเข้าร่วมลงทุนด้วย การลงทุนช่วงแรกมีการจ่ายเงินตอบแทนจริง ผู้เสียหายจึงได้ร่วมลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหาอีกหลายครั้ง เมื่อนายรัฐกรณ์ อยากให้ผู้เสียหายเพิ่มยอดการลงทุนมากขึ้น ผู้ร่วมขบวนการจะช่วยพูดสนับสนุน โดยอ้างว่าได้โควตาลอตเตอรีเพิ่มบ้าง อ้างว่านายทุนที่เคยลงทุนด้วยจะถอนทุนออกไป ต้องให้ผู้เสียหายเอาเงินมาลงทุนแทนบ้าง หรืออ้างว่าต้องนำเงินไปวางเพื่อประกันโควต้าลอตเตอรีไว้บ้าง แล้วแต่จะสร้างเรื่องขึ้นมา





แต่พอผู้เสียหายถามถึงเงินที่ลงทุนนั้น ไปซื้อสลากจากใคร จำนวนเท่าใด มีสัญญาซื้อขายอะไรหรือไม่ กลุ่มผู้ต้องหาได้นำสัญญาการซื้อขายสลากกับเป็นยี่ปั๊วรายใหญ่มาให้ผู้เสียหายดู เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น จึงได้เพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งช่วงกลางเดือน กุมภาพันธ์ 2565 ผู้เสียหายต้องการนำเงินไปลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว จึงได้แจ้งขอเงินลงทุนคืนจากกลุ่มผู้ต้องหาคืน



แต่เมื่อถึงวันกำหนดก็ไม่ยอมคืนเงินให้ เมื่อติดตามทวงถามก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา สืบทราบภายหลังว่ากลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้เป็นยี่ปั้วแต่อย่างใด และไม่มีโควตาจำนวนมากตามที่กล่าวอ้าง ผู้เสียหายเองก็ไม่เคยเห็นสลากกินแบ่งรัฐบาล และไม่ปรากฎว่ามีผู้ใดมารับซื้อ หรือมีหน้าร้านจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าถูกหลอก เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงได้เข้ามาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด




พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนทำการสืบสวนขยายผล จนทราบว่าขบวนการนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยเริ่มตั้งแต่บุคคลที่มีหน้าที่ชักชวน สร้างความน่าเชื่อถือ และร่วมกันหลอกลวงจนผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีที่นายรัฐกรณ์ เตรียมไว้ ก่อนที่จะมีการโอนเงินต่อให้กับคนในขบวนการ



ทั้งนี้ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินประวัติของผู้ร่วมขบวนการ พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 1,900 ล้านบาท เบื้องต้นผู้เสียหาย 2 ราย จึงได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงินจำนวน 126,811,999 บาท ทั้งนี้นอกจากกลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันกระทำความผิดกับผู้เสียหาย 2 รายนี้แล้ว ยังกระทำการในลักษณะเช่นเดียวกันกับผู้เสียหายรายอื่นอีกหลายคนหลายครั้ง และกระทำซ้ำๆ อย่างนี้เรื่อยมา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลต่อไป




โดยเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ได้นำกำลังลงพื้นที่เข้าจับกุมกลุ่มผู้ร่วมขบวนการในพื้นที่ จ.ขอนแก่น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ และของกลางอื่นๆ รวมจำนวนหลายรายการ รวมถึงตรวจยึดทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่าได้จากการกระทำความผิด อาทิ โฉนดที่ดิน ยานพาหนะ ของขบวนการดังกล่าวได้จำนวนหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นจากการสอบปากคำ กลุ่มผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ